มาสค์ไรเดอร์ฮิบิกิ

เป็นภาพยนตร์ซีรีส์มาสค์ไรเดอร์ลำดับที่ 15 ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2005 ถึงวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 2006 ออกอากาศทั้งหมด 48 ตอน และตอนพิเศษทางภาพยนตร์อีก 1 ตอนคือ มาสค์ไรเดอร์ฮิบิกิกับสงคราม 7 ไรเดอร์อสูร (&#21127 &#22580 &#29256 &#12288 &#20206 &#38754 &#12521 &#12452 &#12480 &#12540 &#38911 &#39740 &#12392 &#65303 &#20154 &#12398 &#25126 &#39740 )

ในประเทศไทย มาสค์ไรเดอร์ฮิบิกิ ได้ลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายรูปแบบวีซีดีและดีวีดีของบริษ ัทดรีมเอ็กซ์เพรส จำกัด (เดกซ์) และเคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ทุกวันอาทิตย์เวลา 8.00-8.30 น. ในปี 2551 ได้ย้ายมาออกอากาศทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.05-10.25 น. ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2551 จนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ได้ย้ายเวลาการออกอากาศมาเป็น วันอาทิตย์ เวลา 07.30 น. ในปัจจุบันออกอากาศที่ ช่องการ์ตูนคลับแชนแนล

ตำนานของเหล่าอสูร
เรื่องราวของเหล่าผู้ฝึกตนในวิถีของอสูรหรือที่คนในย ุคปัจจุบันมักจะรู้จัก กันในชื่อของไรเดอร์ ทั้งที่มีตัวตนอยู่จริงแต่กลับมีน้อยคนนักที่จะได้เห ็นตัวจริงโดยมีจุดเริ่ม ต้นมาตั้งแต่ในสมัยอดีตกาลที่มนุษย์ยังคงโง่เขลาและว าดกลัวต่อปิศาจหรือที่ เรียกกันว่ามากาโม่จึงจำเป็นที่จะต้องนำหญิงสาวมาเป็ นเครื่องสังเวยแก่โอโร จิ (อสูรกายขนาดยักษ์รูปร่างหน้าตาคล้ายมังกรจีนหน้าตาด ุร้าย ว่ายน้ำได้รวดเร็วสามารถลอยตัวบินอยู่กลางอากาศนอกจา กนี้ยังพ่นไฟออกมาจาก ปากได้) โดยในการสังเวยนั้นจะต้องเป็นหญิงสาวที่ปิศาจได้ตีตร าสัญลักษณ์ไว้ที่กลาง ฝ่ามือหากถึงเวลาที่กำหนดแล้วยังไม่ส่งตัวหญิงสาวคนน ั้นมาเป็นเครื่องสังเวย เจ้าหล่อนก็จะเจ็บป่วยล้มตายไปในที่สุดด้วยระยะเวลาอ ันสั้น ส่วนการสังเวยในสมัยโบราณก็เพื่อเป็นการแสดงถึงความเ คารพและการสยบต่อปิศาจ หากปิศาจพอใจก็จะไม่มารพกวนมนุษย์นั่นเอง นักรบอสูรเดิมทีก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ฝึกตน และดำเนินชีวิตไปในวิถีของอสูรเท่านั้น จนกระทั่งมีผู้ที่สามารถบรรลุเปลี่ยนแปลงรูปร่างของต นเองไปเป็นนักรบอ สูรอย่างเต็มตัวด้วยวิชาการรวมสมาธิและจิตแปลงร่างโด ยใช้เสียงเป็นตัวกำหนด จิตปล่อยพลังอสูร (ชึ่งต่อมาเข้าใจว่าเพื่อที่จะพกพาง่ายจึงใช้เป็นส้อ มเสียงเป็นตัวกำเนิด เสียงก่อนที่จะพัฒนาไปตามรูปแบบการใช้วิชาของนักรบอส ูรแขนงต่าง ๆ เช่นนักรบอสูรสายเครื่องดีดก็จะใช้สายรัดข้อมือที่ด้ านในมีสายให้ดีดหรือสาย เครื่องเป่าก็จะมีการใช้นกหวีดแทน) ทำให้นักรบอสูรเหล่านี้หันมาต่อสู้กับมาคาโม่เพื่อช่ วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน แต่กระนั้นเหล่ามนุษย์ผู้โง่เขลาก็ยังคงหวาดกลัวและไ ม่ไว้ใจเหล่านักรบอ สูรอยู่ดี มีตำนานเล่ากันต่อมาว่าบางครั้งที่นักรบอสูรไปปราบปิ ศาจสำเร็จจนได้รับของ กำนัลซึ่งก็เป็นเพียงแค่หัวมันธรรมดานักรบอสูรได้บัง เอิญหันไปสบตากับเด็ก น้อยที่กำลังจ้องมองหัวมันนั้นด้วยตาเป็นประกายนักรบ อสูรจึงคิดที่จะแบ่งให้ ขณะที่เด็กกำลังเอื้อมมือรับนั่นเองแม่เด็กกลับร้องห ้ามไม่ให้รับพร้อม บอกว่าของนั้นอสูรจับไปแล้ว ในสมัยอดีตเหล่านักรบอสูรปราบโอโรจิลงได้ก็จริงแต่ต่ อมาก็มีการปรากฏตัวของ ป่าโคดามะ (ป่าอาถรรพ์ที่มีต้นไม้ต้นเดียวเป็นตัวกลางหากกำจัดต ้นไม้ต้นนี้สำเร็จป่าโค ดามะก็จะหายไปแต่น้อยคนนักที่จะหาพบ) ป่าที่เคลื่อนที่ได้ราวกับสิ่งมีชีวิตและจากนั้นไม่น านโอโรจิก็จะปรากฏตัว อีก เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้งจนเข้าใจว่าการปรากฏตัวของป ่าคือสัญญาณบอกเหตุการ มาของโอโรจิ จากนั้นนักรบอสูรจึงเสาะแสวงหาที่ที่เหมาะสมทำพิธีชำ ระผืนปฐพีด้วยวิชาการตี กลองส่งคลื่นเสียงชำระลงสู่ปฐพีโดยตรงโดยว่ากันว่ากา รประกอบพิธีจะต้องทำ ด้วยนักรบอสูรเพียงคนเดียวและในระหว่าทำพิธีจะมีโอโร จิจำนวนมากเข้ามาทำลาย พิธีอีกซึ่งเป็นไปได้ว่ามักไม่ค่อยมีนักรบอสูรคนไหนร อดแต่สุดท้ายก็มีผู้ทำ สำเร็จสามารถผนึกโอโรจิไม่ให้ออกมาสร้างความวุ่นวายไ ด้อีกส่วนสถานที่ประกอบ พิธีนั้นเมื่อนานเข้าผู้คนก็หลงลืมสถานที่ที่แน่นอนไ ปตามกาลเวลา ในสมัยโบราณมีการตั้งกลุ่มขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ทาเคชิ สาเหตุที่ใช้ชื่อนี้ก็เกิดขึ้นจากชายชื่อทาเคชิที่เป ็นผู้ผึกตนในวิถีนักรบอ สูรแต่ต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุระหว่างฝึกตน จนทำให้นักรบอสูรผู้เป็นอาจารย์ประกาศยุติบทบาทการเป ็นนักรบอสูรของตนซึ่ง นั่นก็ทำให้โอซึมุน้องชายของทาเคชิเกิดความเข้าใจผิด คิดว่าเขาเป็นคนฆ่าทาเค ชิ จากนั้นไม่นานก็เกิดสัญลักษณ์เครื่องสังเวยที่ผ่ามือ ของคู่หมั้นของโอซามุทำ ให้ต้องหาวิธีปราบโอโรจิก่อนที่จะถึงวันที่ประกอบพิธ ีสังเวยด้วยการรวบรวม เหล่านักรบอสูรเพื่อมาต่อกรกับโอโรจิ ซึ่งในเหล่านักรบอสูรเองก็ใช่ว่าจะเป็นคนดีทั้งหมดหน ึ่งในนักรบอสูรที่โอซุ มุขอร้องให้มาช่วยนั้นมีความเกลียดชังมนุษย์เพราะแค้ นที่มนุษย์รังเกลียดตน จึงคิดที่จะปั่นหัวให้พวกนักรบอสูรฆ่ากันเองจนตายจนห มดและจะจัดการกับมนุษย์ ทีหลังแต่นักรบอสูรที่เป็นอาจารย์ของทาเคชิปรากฏตัวข ึ้นยุติเหตุเสียก่อนจึง ไม่สำเร็จ ต่อมาโอซุมุไปพบกับดาบที่สลักชื่อของพี่ชายที่เข้าใจ ว่าตีเอาไว้เพื่อมอบให้ แก่ผู้เป็นอาจารย์แต่ยังไม่สมบูรณ์จึงได้ซ่อนเอาไว้ด ้วยความเชื่อมั่นของพี่ ชายที่มีต่ออาจารย์ทำให้เขาคิดว่านักรบอสูรผู้นี้ไม่ ใช่คนฆ่าพี่ชายเขาอย่าง แน่นอนโอซุมุจึงขอร้องให้นักรบอสูรแปลงร่างเพื่อช่วย เหลือผู้คนอีกครั้ง ต่อมาเหล่านักรบอสูรได้รวมตัวกันจนสามารถปราบโอโรจิไ ด้ ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญ และยังได้รับการไว้ใจจากคนในสมัยโบราณสืบมา ส่วนจุดประสงค์ในการตั้งกลุ่มก็เพื่อสำนึกในน้ำใจของ นักรบอสูรที่คอยช่วย เหลือมนุษย์จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือเหล่านักรบอสูรในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นอาวุธ, ยานภาหนะ, ที่ฝึกวิชา, อุปกรณ์แปลงร่างมาตลอดจนกระทั่งถึงในยุคปัจจุบัน การแปลงร่างของนักรบอสูรคือการระเบิดพลังจากภายในของ ตัวเองในรูปแบบต่างกัน ออกมาห่อหุ้มร่างกายโดยสีสันและรูปร่างจะเกิดจากภาวะ จิตใจของร่างกายและความ สามารถเฉพาะตัวนั่นเอง ในการต่อสู้หากเกิดแผลแต่ไม่สาหัสและยังพอมีสติก็สาม ารถที่จะใช้พลังสมานแผล ได้เองทันทีนอกจากนี้นักรบอสูรยังต้องเรียนรู้วิธีคื นร่างเฉพาะส่วน (ส่วนหัว) ด้วยเพราะในการแปลงร่างแต่ละครั้งพลังจะทำการเผาไหม้ ชุดที่นักรบอสูรสวมใส่ อยู่ให้มอดไหม้ไปหากไม่ศึกษาไว้แล้วในตอนคืนร่างจะอย ู่ในสภาพเปลือยทันทีดัง นั้นจึงเห็นนักรบอสูรส่วนใหญ่จะมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้า และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ห่างตัวก็เพราะเหตุนี้นี่เอง





http://www.filecondo.com/dl.php?f=nR4406b4MIfx