+ ตอบกลับกระทู้
สรุปผลการค้นหา 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3
  1. #1
    Administrators รูปส่วนตัว Duckload.us
    สมัครเมื่อ
    Dec 2010
    โพสต์
    151,053
    Thanks
    7
    Thanked 158,201 Times in 69,087 Posts

    Lightbulb [ฝรั่ง] - The Great Dictator (1940) [Charlie Chaplin Blu-ray Criterion Collection] Blu-ray 1080p AVC LPCM 1.0-Noinanoi







    The Great Dictator 1940 [Charlie Chaplin Blu-ray Criterion Collection] Blu-ray 1080p AVC LPCM 1.0-Noinanoi



    Synopsis:

    Dictator Adenoid Hynkel tries to expand his empire while a poor Jewish barber tries to avoid persecution from Hynkel s regime.

    In his controversial masterpiece The Great Dictator, Charlie Chaplin offers both a cutting caricature of Adolf Hitler and a sly tweaking of his own comic persona. Chaplin, in his first pure talkie, brings his sublime physicality to two roles: the cruel yet clownish “Tomainian” dictator and the kindly Jewish barber who is mistaken for him. Featuring Jack Oakie and Paulette Goddard in stellar supporting turns, The Great Dictator, boldly going after the fascist leader before the U.S.’s official entry into World War II, is an audacious amalgam of politics and slapstick that culminates in Chaplin’s famously impassioned speech.

    Quote:
    ชา ร์ลี แชปลิน ได้รับความนิยมชื่นชอบมานานแสนนาน ตั้งแต่ยุคหนังเงียบจวบจนถึงยุคหนังเสียง เขาเป็น 1 ใน 4 ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคหนังเงียบซึ่งประสบผลสำเร็จ และเป็นคนเดียวที่ยืนยงในยุคหนังเงียบเสียงเป็นเวลาต ่อมาหลายปี

    ชาร์ลี แชปลิน เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อพ่อแม่แยกทางกัน เขาต้องหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ด้วยการเป็นนักแสดง นี่คือจุดเริ่มต้นจนกระทั่งประสบผลสำเร็จในเวลาต่อมา ภาพยนตร์ทุกเรื่องทำให้ชื่อของ "ชาร์ลี แชปลิน" เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    ครั้งหนึ่งชาร์ลี แชปลินเคยกล่าวไว้ว่า "วันใดที่คุณไม่หัวเราะ วันนั้นเป็นวันที่สูญเปล่า" และดูเหมือนว่าตัวของเขาเองจะมุ่งมั่นกับปณิธานในการ สร้างเสียงหัวเราะให้ แก่คนนับล้านตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาได้ออกฉา ยในปี 1915 จนกระทั่งถึงในยุคปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะจดจำชาร์ลี แชปลินได้ในบทตัวละครสุภาพบุรุษจรจัดไร้นามที่หรือที ่รู้จักกันดีว่า"คน พเนจร" (The Tramp) ซึ่งมักปรากฏตัวในลักษณะคนจรจัดสวมเสื้อนอกคับตัว กางเกงหลวมๆ หมวกทรงสูง รองเท้าคู่ใหญ่ที่ทำให้เดินอย่างเก้งก้าง ถือไม้เท้าซึ่งทำจากไม้ไผ่ และไว้หนวดทรงขนแปรงสีฟัน แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่านอกจากการเป็นนักแสดงตลกแล้ ว เขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสร้างสรรค์งานตลกคล าสสิคแต่ละเรื่อง ทั้งเป็นผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง คนเขียนบท คนตัดต่อ หรือแม้แต่ประพันธ์เพลงประกอบเองด้วย

    หลายปีก่อน ได้เคยดูงานของชาร์ลี แชปลินมาบ้างโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีเช่ น City Lights (1931), Modern Times (1936) และ The Great Dictator (1940) แต่ก็ไม่เคยได้ใส่ใจในหนังของเขามากเพราะเพียงคิดว่า มันเป็นแค่หนังตลกเงียบ ขาวดำธรรมดาที่ดูแล้วก็จบกัน จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เองที่ได้หยิบเอาหนังเอาหนั งของชาร์ลี แชปลินเรื่อง The Kid (1921) มาดู ก็เกิดความรู้สึกดีๆ ที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วกับการดูหนัง นั่นก็คือ " อึ้ง ทึ่ง ขำ" (ไม่มีเสียวนะ) เพราะรู้สึกว่าชาร์ลี แชปลินเก่งมากที่สามารถทำหนังในการผสมผสานปัญหาสังคม กับเรื่องตลกเข้าด้วย กันอย่างลงตัวเช่นนี้ ดิฉันค่อนข้างตกใจที่อยู่ๆ ตัวเองก็น้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัวกับฉากซึ้งในหนัง ทั้งๆ ที่ไม่ถึงห้านาทีก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะหัวเราะท้องแข็ งกับท่าทางเซ่อๆ ซื่อๆ ของหนุ่มพเนจร (The Tramp) อยู่ เมื่อดูหนังจบจึงได้มาอ่านประวัติของชาร์ลี แชปลิน ทำให้ได้เรียนรู้ความสามารถหลากหลายของอัจฉริยะชาวอั งกฤษผู้นี้ วันนี้จะขอเอาชีวิตบางส่วนของราชาตลกผู้นี้ที่คิดว่า น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง สลับกับการแนะนำหนังทั้งสามเรื่องที่เพิ่งได้ดูคือเร ื่อง The Kid ที่กล่าวไปแล้ว รวมทั้ง The Gold Rush (1925) และ Limelight (1952)


    The Great Dictator 1940

    แชปลินกับฮิตเลอร์เกิดในสัปดาห์เดียวกัน แชปลินแก่กว่าฮิตเลอร์ 4 วันเท่านั้น (Chaplin - 16 April 1889 / Hitler 20 April 1889)

    เคยอ่านหนังสือเจอว่า ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ชาร์ลี แชปลิน คุยกับ ดั๊กลาส แฟร์แบ๊งค์ เรื่องการเมือง บทสรุปสุดท้ายหลังจากที่ทั้งคู่เป็นกังวลกับเหตุการณ ์ในเยอรมันและยุโรปตอน นั้น (1938) แฟร์แบ๊งค์ พูดอย่างเมาๆกับ แชปลินว่า - "มันขโมยหนวดแกไป ไอ้ฮิตเลอร์น่ะ มันเอาหนวดแกไป"

    นั่นเป็นจุดแรกที่ทำให้แชปลินคิดจะทำหนังล้อเลียนตอบ โต้ฮิตเลอร์ จนอีกสองปีต่อมามันกลายเป็นเรื่อง The Great Dictator

    หนังเสียงเกิดขึ้นครั้งแรกในปลายๆยุค 1920 จนต้นปี 1930 เป็นต้นมาใครๆก็พากันทำหนังเสียงคงมีแต่ แชปลิน ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการภาพยนตร์ตอนนั้นที่ไม่ได้ยอมรับ หนังสองเรื่องของเขาในยุค 30 คือ City Light และ Modern Times ก็ไม่มีบทพูดของตัวละคร เนื่องจากแชปลินเห็นว่ามันจะทำให้เสียเป้าหมาย ที่สำคัญคือรูปแบบการแสดงแบบละครใบ้ที่เขาหลงไหลอยู่ ตลอดชีวิต

    แชปลินในขณะนั้นถึงเป็นมหาเศรษฐีแต่ก็มีปัญหาอย่างหน ักเรื่องทัศนคติทางการ เมือง โดยเฉพาะเขากำลังถูกจับตามองจากรัฐบาลอเมริกาในข้อหา ฝักใผ่ลัทธิคอมมิวนิสต์

    Sydney พี่ชายของเขาที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของแชปลินถึงกับ ขว้างบทร่างของเขาทิ้ง พร้อมทั้งบอกว่า "แกต้องไม่ยุ่งกับเรื่องแบบนี้" แต่แชปลินตอบง่ายๆว่า "แกบอกให้ฉันทำหนังเสียงมาตลอดสิบปี ก็ฉันกำลังทำอยู่นี่ไง"

    ซิดนี่ย์ไม่เห็นด้วยเพราะขณะนั้นสถานทางการเมืองของแ ชปลินไม่ดีเท่าไร และคนอเมริกันกว่า 80 % ไม่เห็นด้วยที่จะเข้าไปยุ่งกับสงครามที่ยุโรป

    ช่วงขณะนั้น ยุโรปกำลังวุ่นวายอย่างหนัก ประชาธิปไตยถูกตั้งคำถามจากหลายๆประเทศ โดยเฉพาะเยอรมันที่หลังจาการเลือกตั้งหลายครั้ง พรรคนาซี - National Socialist German Workers Party ได้รับเสียงข้างมากในที่สุด เนื่องจากภาวะตอนนั้นเยอรมัน มีปัญหาในทุกๆด้าน เศรษฐกิจตกต่ำ / คนว่างงาน / สไตร์หยุดงาน / นักศึกษาเดินขบวน / เงินเฟ้อ / ภาวะไร้ระเบียบทางสังคม

    ฮิตเลอร์ประกาศตัวเป็นฮีโร่ ภายใต้นโยบายคลั่งชาติ (เกลียดยิว) / ใช้ความรุนแรงเด็ดขาด / ประชานิยม นอกจากจะได้คะแนนอย่างท่วมท้นจนแก้รัฐธรรมนูญให้เป็น "ท่านผู้นำตลอดกาล" ได้ เขายังเสมือนวีรบุรุษของคนอีกหลายล้านคน

    แชปลินใช้เวลาสร้างภาพยนตร์ The Great Dictator ราวๆปีเศษ ในช่วงปี 1939 ที่เขาสร้าง ฮิตเลอร์เริ่มมีนโยบายกักบริเวณชาวยิว ร่วมมือกับมุสโสลินีบุกออสเตเรีย และทำท่าจะประกาศสงครามกับฝรั่งเศส

    นับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมากในขณะนั้น นอกจากเรื่องเนื้อหาแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่โลกจะได้ยินเสียงจริงๆของแชปลินแล ะเป็นครั้งแรกที่แชปลิ นจะไม่ใส่ชุด "คนพเนจร" บนจอภาพยนตร์

    The Great Dictator - ใช้ตัวละครชื่อ Adenoid Hynkel ผู้นำตลอดกาลแห่งรัฐโทมาเนีย ผู้นำที่บ้าคลั่งอำนาจและสงครามและมีความฝันสูงสุดคื อการที่จะได้ครองโลก โดยเดินเรื่องคู่ไปกับ ช่างตัดผมชาวยิว (ที่หน้าตาเหมือนกันกับฮิงเกล) ที่เคยไปออกรบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและเมื่อกลับม าก็ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล โรคจิตนับสิบปี จนเมื่อออกมาจากโรงพยาบาล ก้พบว่าบ้านเมืองของเขาภายใต้การปกครองของ ฮิงเกล ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป

    ชาร์ล แชปลิน เล่นทั้งสองบท โดยกำหนดให้ท้ายเรื่อง ช่างตัดผมชาวยิว จะได้ขึ้นปราศรัยต่อประชาชนและทหารในการที่สามารถรุก รานประเทศอื่นได้สำเร็จ

    หลายซีนในหนังเหมือนจะทำนายสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจา กการปลุกระดมของฮิต เลอร์ ตั้งแต่การจัดตั้งกองกำลังอาสาสมัครเพื่อแบ่งแยกประช าชน / การนำเอาสีไปเขียนคำว่า JEW ไว้หน้าบ้านของคนยิว / การปราศรัยเพื่อปลุกระดม / และที่สำคัญที่สุดคือ การประกาศลัทธิฟาสซิสต์ร่วมกับมุสโสลินี่ในอันที่จะค รองโลก

    หนังออกฉายเกือบจะพร้อมๆกับการประกาศสงครามโลกครั้งท ี่สองที่ยุโรป (1940) และต่อมาอีก 6 ปี โลกก็พบว่าสิ่งที่แชปลินบอกไว้ในภาพยนตร์ของเขา เป็นประมาณการขั้นต่ำเท่านั้น
    "ทำไมคนพวกนั้นถึงเชื่อถือมันนักหนา ไอ้นั้นมันโรคจิตชัดชัด มันเป็นคนบ้า ทำไมคนเป็นล้านๆถึงนับถือมัน" - แชปลิน บอกเหตุผลให้กับแฟร์แบ๊งค์เพื่อนรัก ในการที่เขาจะทำให้ฮิตเลอร์กลายเป็นตัวตลกแบบสุดๆ อย่างที่ใครก็คาดไม่ถึง

    ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นจอมพล Adenoid Hynkel พูดจาราวกับเป็นคนโรคประสาท การตัดสินใจทางการเมืองก็บ้าๆบอๆ มีแต่คนคอยประจบประแจง บ้าอำนาจ ทั้งตัวเขาและผู้นำประเทศเพื่อนบ้านอย่าง Benzino Napaloni (เข้าใจว่าล้อเลียนมุโสลินี) ที่มีอาการบ้าบอไม่น้อยไปกว่ากัน

    แชปลินเย้ยหยันถึงที่สุดในเชิงขำขันโดยเฉพาะซีนที่ ฮิงเกล เต้นรำกับลูกโลกที่เป็นฉากอมตะตลอดกาล

    ผมคิดว่าแชปลินคงพยายามจะบอกถึงคนทั้งโลกว่า การกระทำต่างๆของคนอย่างฮิตเลอร์ เป็นเรื่องของคนบ้าอย่างแท้จริง ทุกคำสั่ง / คำปราศรัย (ที่อาแต่ตะคอกใส่ลำโพง) / ท่าแสดงความเคารพ - มันเป็นเรื่องที่คนสติดีๆดูแล้วควรจะขบขัน ไม่ใช่ไปเชื่อฟังมันราวกับพระเจ้าเช่นนั้น

    ซึ่งก็แทบไม่ต่างกันกับเหตุการณ์บ้านเมืองของเราวันส องวันนี้ ที่คนไปฟังคำพูดบ้าๆบอๆของคนบางคนราวกับเป็นเทพผู้มา โปรด

    แชปลินใช้เวลาเกือบทั้งหมดผ่านสองตัวละคร (ที่เขาเองเล่นทั้งสองบท) แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ยากของช่างตัดผมชาวยิวในสาพบ ้านเมืองแบ่งแยก และตัวจอมเผด็จการที่บ้าหลุดโลก ก่อนจะให้ฮิงเกลประสบอุบัติเหตุตกน้ำ และช่างตัดผมที่พยายามหนีออกนอกประเทศถูกเข้าใจผิดว่ าเขาคือ"ท่านผู้นำ"

    ซีนสุดท้าย - ช่างตัดผมได้ขึ้นปราศรัย แชปลินได้ใช้เวลานั้นประกาศแนวคิดทางการเมืองของเขา ผ่านตัวละครโดยน้ำเสียงที่ไม่ใช่ทั้งบทช่างตัดผมและจ อมเผด็จการ

    แต่กระนั้นก็ทำให้ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ส่วนหนึ่งบอกว่าแชปลินพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเบาไร้พ ลัง สู้ฮิตเลอร์(หรือน้ำเสียงขณะที่เขาแสดงเป็นฮิงเกล)ไม ่ได้ อีกส่วนหนึ่งมุ่งประเด็นไปที่เนื้อหาที่ออกไปทางเสรี นิยมจนเกินไป เกือบๆจะเหมือนพวกคอมมิวนิสต์

    ผมคิดว่าแชปลินเองก็ตั้งใจจะเอาแนวคิดของตนเองไปเปรี ยบกับฮิตเลอร์ (หรือทัศนคติทางการเมืองตอนนั้น) เขาต้องการบอกความคิดตัวเอง ไม่ใช่เร้าอารมณ์เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง เขาต้องการเสนอแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาของโลกในขณะนั้น

    เมื่อหนังออกฉายมีพวกหัวเอียงขวาบางกลุ่มต่อต้านสุทร พจน์ท้ายเรื่องอย่างมาก บางโรงถูกเผา บางรอบถูกผู้ชมเอาสิ่งของขว้างปารูปแชปลินบนจอภาพยนต ร์

    "ขอประทานโทษ ผมไม่อยากเป็นจักรพรรดิ์ ไม่อยากปกครองหรือพิชิตใครทั้งนั้น ถ้าเป็นได้ผมต้องการช่วยเหลือทุกคน / ยิว คนต่างศาสนา / คนดำ / คนขาว - เราต่างก็ต้องการช่วยเหลือกันทั้งนั้น เราต่างก็อยากแบ่งปันความสุขให้กัน ไม่อยากสร้างทุกข์ให้อีกฝ่าย เราไม่ควรเกลียดชังหรือดูถูกคนอื่น โลกนี้มีที่มากพอสำหรับทุกคน โลกใบนี้ยังอุดมสมบูรณ์พอสำหรับทุกคน"

    "ความโลภทำให้วิญญาณมนุษย์ชาติทำลาย ทำให้โลกเกลียดกัน นำเราเข้าสู่การฆ่าฟันและความทุกข์ทรมาน"

    The Great Dictator - ประสบความสำเร็จอย่างดีด้านรายได้ แต่รายละเอียดของมันทำให้แชปลินกลายเป็นตัวอันตรายขอ งรัฐบาลและพวกหัวเอียง ขวากลุ่มหนึ่งทันที คุณค่าที่แฝงอยู่ในหนังเรื่องนี้ค่อยๆปรากฎออกมาในอน าคต แม้จนปัจุบันนี้ก็ยังนำมาดูได้อย่างทันสมัย

    การใช้คำพูดและสื่อทางการตลาดเพื่อให้คนหลงไหลและเชื ่อมั่นในตัวบุคคลราวกับ พระเจ้าอย่างหูมืด ตามัว ทำให้ได้ผลประโยชน์ทางการเมืองก็จริง แต่ระยะยาวคือความเสียหายที่ประชาชนจะต้องมาปะทะฆาฟั นกัน - "ท่านผู้นำ" ทุกยุคทุกสมัยได้นำผู้คนไปตายเพื่อผลประโยชน์ตนเองเท ่านั้น

    ช่างตัดผมชาวยิวหรือแชปลิน สรุปไว้ว่า

    "ทหารและประชาชนทั้งหลายจงมีสติและความคิด และอย่าได้เดินตามคนที่บ้า อย่ายอมคนที่ไม่เป็นคน มนุษย์ที่เป็นเครื่องจักร ใจเป็นเครื่องจักร พวกท่านไม่ใช่เครื่องจักร พวกท่านไม่ใช่วัวควาย พวกท่านเป็นมนุษย์"

    The Great Dictator เป็นหนังดีที่สุดตลอดกาลเรื่องหนึ่ง เป็นอัจริยะของแชปลินอย่างแท้จริง ที่น่าจะหามาดูกันสักครั้ง....





    IMDb Info: http://www.imdb.com/title/tt0032553/
    IMDb User Rating: 8.5/10 from 84,444 users

    Awards: Top 250 #55 | Nominated for 5 Oscars. Another 5 wins & 1 nomination.
    Genres: Comedy | Drama | War
    Director: Charles Chaplin
    Writer: Charles Chaplin
    Stars: Charles Chaplin, Paulette Goddard, Jack Oakie

    Disc Features

    - New high-definition digital restoration, with uncompressed monaural soundtrack on the Blu-ray edition
    - New audio commentary by Charlie Chaplin experts Dan Kamin and Hooman Mehran
    - The Tramp and the Dictator (2001), Kevin Brownlow and Michael Kloft’s documentary paralleling the lives of Chaplin and Hitler, including interviews with author Ray Bradbury, director Sidney Lumet, screenwriter Budd Schulberg, and others
    - Two new visual essays, one by Chaplin archivist Cecilia Cenciarelli and one by Chaplin biographer Jeffrey Vance
    - Color production footage shot by Chaplin’s half-brother Sydney
    - Barbershop sequence from Sydney Chaplin’s 1921 film King, Queen, Joker
    - Deleted barbershop sequence from Chaplin’s 1919 film Sunnyside
    - Rerelease trailer
    - PLUS: A booklet featuring a new essay by film critic Michael Wood, Chaplin’s 1940 New York Times defense of his movie, a reprint from critic Jean Narboni on the film’s final speech, and Al Hirschfeld’s original press book illustrations

    Credit : http://www.criterion.com/films/27605-the-great-dictator

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------
    BDInfo Report:
    -----------------------------------------------------------------------------------------------------

    Disc Title: The Great Dictator 1940 Blu-ray 1080p AVC LPCM 1.0-Noinanoi
    Disc Size: 47,283,882,269 bytes
    Protection: AACS
    BD-Java: Yes
    BDInfo: 0.5.8

    PLAYLIST REPORT:

    Name: 00001.MPLS
    Length: 2:05:35.569 (h:m:s.ms)
    Size: 28,217,505,792 bytes
    Total Bitrate: 29.96 Mbps

    VIDEO:

    Codec Bitrate Des--cription
    ----- ------- -----------
    MPEG-4 AVC Video 25998 kbps 1080p / 23.976 fps / 16:9 / High Profile 4.1

    AUDIO:

    Codec Language Bitrate Des--cription
    ----- -------- ------- -----------
    LPCM Audio English 1152 kbps 1.0 / 48 kHz / 1152 kbps / 24-bit
    Dolby Digital Audio English 192 kbps 1.0 / 48 kHz / 192 kbps

    SUBTITLES:

    Codec Language Bitrate Des--cription
    ----- -------- ------- -----------
    Presentation Graphics English 53.084 kbps

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------





    http://www.filecondo.com/dl.php?f=h614931w8ld5

  2. The Following 4 Users Say Thank You to Duckload.us For This Useful Post:

    DTLKILLERS (01-29-2014), Kasem2029 (05-26-2014), Tui_yaso (01-29-2014), xchamp (04-30-2019)

  3. #2
    Senior Member
    สมัครเมื่อ
    Feb 2012
    โพสต์
    123
    Thanks
    672
    Thanked 0 Times in 0 Posts
    ขอบคุณมากครับ

  4. #3
    Senior Member
    สมัครเมื่อ
    Jul 2012
    โพสต์
    8,640
    Thanks
    0
    Thanked 0 Times in 0 Posts
    ขอบคุณมากจ้า

+ ตอบกลับกระทู้

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

     

กฎการโพสต์ข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสต์ได้
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • HTML สถานะ ปิด