จดหมายบันลือโลกฉบับหนึ่ง : เขียนโดยสุลต่านเมห์เม็ตในวัย 12 ปี แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ถึงสุลต่านมูรัต ผู้เป็นบิดาที่ได้สละบัลลังก์ไปก่อนหน้า

"หากท่านเป็นสุลต่าน ในยามที่ประเทศอยู่ในภาวะคับขันเช่นนี้ ท่านต้องนำทัพออกสู้รบกับข้าศึก, แต่หากเราเป็นสุลต่าน ท่านก็จงฟังคำสั่งเรา, และเรากำลังสั่งท่านว่า: จงออกมา แล้วนำทัพออกต่อสู้ศัตรูเดี๋ยวนี้ !" (และ 9 ปีต่อมา เด็กคนนี้ก็นำทัพออตโตมันไปยึดกรุงคอนสแตนติโนเปิลได ้สำเร็จในวัย 21 ปี)

สุลต่านมูรัต แห่งจักรวรรดิออตโตมัน ได้ทำสัญญาสงบศึกกับฝ่ายกองทัพครูเสดเป็นเวลา 10 ปี และรู้สึกเบื่อหน่ายการสงคราม จึงได้สละบัลลังก์ให้เมห์เม็ตขึ้นครองแทนด้วยวัยเพีย ง 12 ปี สุลต่านมูรัต ไม่ระแคะระคายใดๆ ว่าฝ่ายคริสเตียนเล่นไม่ซื่อ สัญญาสงบศึกเซ็นกันหมึกยังไม่แห้ง ฝ่ายคริสเตียนก็ฉีกสัญญาทิ้ง ไม่นานพวกครูเสดเตรียมทัพเสร็จ ยกทัพใหญ่มาลุยออตโตมันทันที สุลต่านเมห์เม็ตจึงเชิญพระบิดากลับมาครองบัลลังก์เพื ่อสู้ศึก

เมื่อเจอจดหมายฉบับนี้เข้า สุลต่านมูรัต ต้องสลัดผ้าคลุมขาวของชาวมุสลิม รีบรุดเข้ามายังเอเดรียนโนเปิล นำทัพไปยุโรปเพื่อจัดการกับทัพใหญ่ของครูเสด ศึกนี้เกิดขึ้นที่วาร์นา ด้านตะวันออกของบัลกาเรีย เรียกว่า ศึกวาร์นา (the Battle of Varna) เป็นศึกใหญ่สุดๆ

สองฝ่ายปะทะกันที่วาร์นาในวันที่ 10 พฤศจิกายน 1444 ออตโตมันได้ชัยชนะอย่างงดงาม
ตำนานของศึกครั้งนี้คือ กษัตริย์หนุ่มแห่งโปแลนด์ Wł adysł aw III ผู้นำกองทหาร 500 คนบุกตลุยเข้าไปในทัพออตโตมันหวังใช้ดาบฟันคอสุลต่าน มูรัต แต่สุลต่านไหวตัวทัน ใช้หอกในมือแทงหน้าอกของ Wł adysł aw III จนตกจากหลังม้า จากนั้นนักรบแจนีซารีตรงเข้าไปฟันคอ Wł adysł aw III จนขาดสะบั้น ก่อนจะใช้หอกเสียบศีรษะของกษัตริย์หนุ่มคนนี้ชูขึ้นม าให้กองทัพทั้งสองฝ่ายดู ส่วน จอห์น ฮุนยาดี (Já nos (John) Hunyadi) กษัตริย์ฮังการี แม่ทัพครูเสดอีกคนหลบหนีไปได้ เมื่อกองทัพครูเสดหนีเตลิดเปิดเปิงไปแล้ว สุลต่านมูรัต ผินหน้าไปทางเมกกะ ก้มลงสุยูด (กราบ) ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า ศึกวาร์นาถือเป็นกองทัพครูเสดชุดใหญ่ชุดสุดท้ายที่ปก ป้องคอนสแตนติโนเปิลจากการยึดครองของออตโตมัน

สุลต่านเมห์เม็ตที่ 2 หรือ เมห์เม็ตผู้พิชิต (Sultan Mehmed II The Conqueror ค.ศ.1432-81)
บุตรชายของสุลต่านมูรัตที่ 2 ขึ้นครองราชย์เป็นครั้งที่สอง เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของจักรวรรดิออ ตโตมัน
ปี 1453 ยึดคอนสแตนติโนเปิล
มุสลิมมุ่งมั่นจะพิชิตกรุงคอนสแตนติโนเปิลมาตั้งแต่ย ุคแรกเริ่มของประวัติศาสตร์อิสลาม และมาสำเร็จได้โดยการนำของสุลต่านเมห์เม็ตที่ 2 ของราชวงศ์อุษมานียาฮ์แห่งจักรวรรดิออตโตมัน
สุลต่านเมห์เม็ตที่ 2 ใช้พระอัจฉริยภาพนำกองทัพออตโตมันเข้ายึดครองกรุงคอน สแตนติโนเปิลได้ในวันที่ 29 พฤษภาคม 1453 สุลต่านให้ยอดวิศวกรแห่งยุคคือ มุสลีฮิดดีน และ Saruca Sekban ออกแบบปืนใหญ่แบบใหม่ ซึ่งจะมีบทบาทมากในการยึดคอนสแตนติโนเปิล พร้อมก่อสร้างป้อมที่ฝั่งยุโรปของของคอนสแตนติโนเปิล ในขณะที่ป้อมเดิมฝั่งเอเชียนั้นสุลต่านบายาซิดได้ก่อ สร้างไว้แล้ว ป้อมสองแห่งนี้ถูกเรียกว่า "ป้อมยุโรป (รูมาเลีย)" และ "ป้อมเอเชีย (อนาโตเลีย)" เพื่อควบคุมการจราจรทางน้ำทั้งหมด
ช่วงที่สุลต่านเตรียมการนี้ พระองค์ได้รื้อฟื้นสัญญาสันติภาพกับวัลลาเชียและเซอร ์เบีย และได้เซ็นสัญญาสันติภาพกับฮังการี ส่วนทางฝ่ายไบเซนไทน์ก็เตรียมพร้อมด้วยการตุนอาหารไว ้ให้พอกับการโดนล้อมอันยาวนาน เมื่อจักรพรรดิได้ยินข่าวเรื่องป้อมทั้งสองริมฝั่งน้ ำ พระองค์ยิ่งวิตกตังวลหนัก ได้ส่งสาส์นไปขอความช่วยเหลือจากโลกคริสเตียน แต่ปรากฎว่างานหลักของโป๊ปในตอนนั้นคือต้องสงบศึกคริ สตจักรออร์โธดอกซ์กับคาทอลิกก่อนสิ่งใด ซึ่งจักรพรรดิควรลืมเรื่องการเรียกทำศึกครูเสดครั้งใ หม่ไปได้เลย หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมหมดแล้ว สุลต่านเมห์เม็ตได้ส่งฑูตนำสาส์นไปยื่นข้อเสนอให้จัก รพรรดิไบเซนไทน์ยอมแพ้แต่โดยดี แต่จักรพรรดิปฏิเสธ เดือนเมษายน 1453 กองทัพออตโตมันซึ่งมีทหารจำนวน 120,000 คนจึงเข้าโอบล้อมเมือง ตัดขาดคอนสแตนติโนเปิลจากโลกภายนอก
กองทัพออตโตมันเริ่มโจมตีในวันที่ 19 เมษายน การรบดุเดือดเลือดพล่าน กองทัพเรือเวนิซและเจนัวเข้ามาช่วยไบเซนไทน์ สุลต่านเล็งเห็นว่าหากกองทัพเรือออตโตมันไม่เข้าร่วม ในการรบละก็ การยึดคอนสแตนติโนเปิลครั้งนี้ไม่สำเร็จแน่ อย่างไรก็ตาม ทางเข้าโกลเด้นฮอร์น (Golden Horn หรือในทุกวันนี้คือ ช่องแคบอิสตันบูล) เต็มไปด้วยโซ่ขนาดใหญ่ที่ไบเซนไทน์นำมาขวางไว้ ทำให้ออตโตมันนำเรือเข้าไม่ได้ สุลต่านจึงค้นหาวิธีเอาเรือลงไป ทรงสั่งทำสไลด์ขนาดใหญ่ เอาน้ำมันราดให้ลื่น ใช้ม้าลากเรือขึ้นภูเขา แล้วสไลด์เรือลงไปที่โกลเด้นฮอร์น ในวันที่ 22 เมษายน มีเรือเติร์ก 72 ลำลงไปทำศึกในโกลเด้นฮอร์นได้ พร้อมกระหน่ำยิงคอนสแตนติโนเปิลด้วยปืนใหญ่ที่ออกแบบ มาใหม่
เนื่องจากล้อมมานานและบาดเจ็บล้มตายกันมาก ทหารออตโตมันเริ่มเสียขวัญ แต่สุลต่านเมห์เม็ตไม่เคยเสียกำลังใจ ยังคงบัญชาการรบด้วยความห้าวหาญ พระองค์ประกาศต่อหน้าทหารว่าวันที่ 29 พฤษภาคมจะเป็นวันแตกหัก คอนสแตนติโนเปิลจะต้องถูกยึดโดยออตโตมัน! ดังที่พระองค์ประกาศไว้ วันที่ 29 พฤษภาคม กองทัพออตโตมันนำโดย ฮาซันแห่งอูลูบัท บุกเข้าเมืองได้ จักรพรรดิสิ้นพระชนม์ คอนสแตนติโนเปิลถูกยึดอย่างเบ็ดเสร็จ ออตโตมันใช้เวลา 53 วันในการยึด การโจมตีครั้งใหญ่มี 4 ครั้ง คือ วันที่ 19 เมษายน, 6 พฤษภาคม, 12 พฤษภาคม, และครั้งสุดท้ายคือในวันที่ 29 พฤษภาคม อาณาจักรไบเซนไทน์ หรือโรมันตะวันออก ที่ยาวนาน 1,125 ปี ถึงกาลล่มสลาย และ คอนสแตนติโนเปิล ได้กลายเป็น อิสตันบูล ในทุกวันนี้ สุลต่านเมห์เม็ตได้รับสมญานามว่า เมห์เม็ตผู้พิชิต


Conquest 1453



Rating: 7.2/10 Year: 2012 Genres: Action / Adventure / Drama / History / War Runtime: 162 min | Turkey:165 min Language: Turkish Director: Faruk Aksoy Writers: Atilla Engin / Irfan Saruhan Cast: Devrim Evin / Ibrahim Celikkol / Dilek Serbest Plot:

After the death of his father Murat II, Mehmet II ascends to the Ottoman throne. After braving internal and external enemies, he decides to complete what he was destined to do - conquer Constantinople.








http://cornfile.com/dzv1n87cx0in