Asteroid City (2023) : แอสเทอรอยด์ ซิตี้

เรื่องย่อ :

Asteroid City บอกเล่าเรื่องราวของละครเวทีที่มีชื่อเดียวกันกับชื่ อภาพยนตร์ โดยฉากของละครเวทีเกิดขึ้นที่เมืองสมมุติแห่งหนึ่งบน ภูมิภาคทะเลทรายของอเมริกาในยุค 50s ซึ่งดำเนินเรื่องผ่านตัวละครพ่อผู้โดดเดี่ยว
(เจสัน ฟรานเชสโก ชวาร์ตซมัน) ที่ขับรถพาลูกทั้ง 4 ของเขาข้ามประเทศเพื่อไปหาตาของเด็กๆ (ทอม แฮงค์ส) เพราะจุดประสงค์บางอย่าง ก่อนที่รถจะมาหยุด ณ เมืองแห่งอุกกาบาต โดยขณะนั้นมีการจัดประชุม Junior Stargazer/Space Cadet
ซึ่งเป็นการแข่งขันทางวิชาการของนักเรียนและผู้ปกครอ งจากทั่วสารทิศ


Review :

หาก The Grand Budapest Hotel (2014) และ The French Dispatch (2021) เป็นภาพยนตร์ที่ เวส เอนเดอสัน (Wes Anderson) บอกเล่าถึงความประทับใจในสิ่งที่เขาหลงใหลอย่าง ‘ประวัติศาสตร์ศิลป์’
หรือความงดงามของสื่อสิ่งพิมพ์ ทำให้ผู้ชมรับรู้ได้ถึงความประณีต คมคาย ชวนหลงใหล ราวกับการอ่านจดหมายรักที่ผู้เขียนตั้งใจจรดทุกตัวอั กษร Asteroid City (2023) ก็คงเป็นจดหมายสั่งลาที่เขียนออกมาได้สวยงามที่สุดฉบ ับหนึ่ง
หากผู้เขียนรู้ตัวว่าสักวันจะต้องหายไปจากจักรวาลนี้ สิ่งที่ทำให้ Wes Anderson กลายเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในฐานะศิลปินคนหนึ่งค ือ การหยิบจับองค์ประกอบ ‘สี’ มาบิดวางทับเรื่องราวโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวละค ร ผ่านการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยข้อมูลได้อย่างมีชั้น เชิงและยากจะเลียนแบบ

Asteroid City ดูเผินๆ แล้วอาจคิดว่าประเด็นของภาพยนตร์อยู่ที่เรื่องราวของ กลุ่มผู้ปกครองที่พาลูกหลานมารวมตัวกันกลางเมืองทะเล ทราย เพื่อเข้าร่วมงานประชุม Junior Stargazer/Space Cadet และได้พบกับเหตุการณ์ประหลาดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกทั้ง ใบ
แต่เมื่อพินิจอย่างถี่ถ้วนจะพบว่า ผลงานชิ้นนี้ของ Wes Anderson ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวที่ตรงไปตรงมาแบบนั้น เมื่อผู้กำกับเลือกที่จะใช้วิธีการนำเสนอภาพยนตร์ของ ตัวเอง โดยใช้ลูกเล่นของบทละครวางซ้อนบทละคร เพื่อสร้างตัวละครที่เป็นคนเขียนบทละครชื่อ Conrad Earp (Edward Norton) ขึ้นมา
นอกจากนี้ หากเราชำแหละวิธีการดำเนินเรื่องที่วางซ้อนกันของภาพ ยนตร์ จะพบว่า มันเป็นผลงานที่คิดขึ้นมาอย่างแยบยลและไร้รอยต่อ โดยมีแกนหลักอยู่ที่การครุ่นคิดตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้ว “อะไรคือความหมายของชีวิต?” แน่นอนว่าภาพยนตร์ไม่ได้ตั้งคำถามอย่างโจ่งแจ้ง
แต่ใช้รูปแบบของถ้อยแถลงในการเล่าผ่านบทสนทนาที่เกิด ขึ้นระหว่างตัวละครภายในเรื่อง และด้วยวิธีการกำกับของ Wes Anderson คำถามเหล่านี้จึงกลายเป็นสิ่งที่กินใจไปเสียหมด

ภาพยนตร์เรื่องนี้ของ Wes Anderson ทำให้เราเห็นว่า การกลืนกลายระหว่างชีวิตและเรื่องเล่ามีความมหัศจรรย ์มากแค่ไหน ในฐานะของสื่อไม่กี่ชนิดที่สามารถทำให้เรื่องจริงและ เรื่องแต่งไหลรวมเข้าหากันได้อย่างแนบสนิท
ในฐานะของภาพเคลื่อนไหว ในที่นี้หากเรามองถึงองค์ประกอบของ Asteroid City

ประการแรกคือ การที่ภาพยนตร์มีพื้นหลังอยู่ในสหรัฐอเมริการาวปี 1955 ซึ่งยุคนั้นความหลากหลายทางเพศยังไม่เป็นที่ยอมรับแล ะเปิดกว้างเหมือนในปัจจุบัน การที่ผู้ชายจะมีความสัมพันธ์แบบเสพสวาทกันแทบจะเรีย กได้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดมนุษย์มนา ความรุนแรงที่ถูกเล่าออกมาในส่วนนี้จึงมีพลังโดยไม่ต ้องแต่งแต้มสีสันใดๆ แต่เมื่ออยู่ในโลกของละครเวที การปฏิสัมพันธ์เหล่านี้สามารถถูกทำให้กลายเป็นอื่นได ้ด้วยศาสตร์แห่งการเล่าเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในภาพยนตร์ของ Wes Anderson

ประการที่สองคือ การแบ่งแยกสีระหว่าง ‘โลกของโรงละคร’ กับ ‘โลกของนักเขียน’ นัยหนึ่งมันคือการแยกแยะให้ผู้ชมสามารถรับรู้ได้ตั้ง แต่แรกเห็นว่า อันไหนคือ ‘เรื่องจริง’ และอันไหนคือ ‘เรื่องแต่ง’ แต่อีกมุมหนึ่งการใช้อัตราส่วนภาพ 4:3 เพื่อนำเสนอโลกขาวดำบนจอโทรทัศน์ ก็เป็นการบอกกล่าวว่าองค์ประกอบนี้ยังยึดโยงไปถึงส่ว นหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์สื่อบันเทิงด้วย เพราะนอกจากโทรทัศน์แล้ว หากเราแยกโครงสร้างภาพยนตร์ออกมาจะพบว่า ยังมีละครเวทีและภาพยนตร์วางซ้อนกันอยู่ในเรื่องเล่า นี้ด้วย เพียงแต่โลกที่วางซ้อนกันเหล่านั้นไม่ได้แบ่งแยกเป็น เอกเทศเสียทีเดียว เพราะเราจะเห็นได้ว่าทั้งนักแสดงและพิธีกรโทรทัศน์ต่ างก็ออกมาจากหลังม่าน เพื่อถามไถ่ข้อมูลกับ Conrad Earp อยู่เสมอในเวลาที่พวกเขาไม่แน่ใจ

Thank you for subtitle by บรรยายไทย โดย สันติพัทธ์ สันติชัยอนันต์






Asteroid.City.2023.2160p.Dolby.Vision.HDR10-TH.mkv
http://www.filecondo.com/dl.php?f=P79d0d1QvUt5
19.94 GB