Release date: October 17, 1939 (USA)
Directed by: Frank Capra
Produced by: Frank Capra
Written by: Sidney Buchman (screenplay), Lewis R. Foster (story)
Narrated by: Colin James Mackey
Starring: Jean Arthur, James Stewart, Claude Rains, Edward Arnold
Music by: Dimitri Tiomkin
Cinematography: Joseph Walker, A.S.C.
Editing by: Gene Havlick, Al Clark
Genre: Drama
Running time: 02:10:02
IMDB rating: 8.3/10 (55,485 votes)
(Sources: Wikipedia & IMDb)
ก่อนหน้านี้ราวๆ 2 ปี ตอนที่คนหนุ่มรูปงามนามอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีมือใหม่ท่ามกลางสายตาของผ ู้คนที่มองเขาด้วยความ รู้สึกมีความหวัง จำได้ว่า ปรากฏการณ์แบบหนึ่งซึ่งเห็นชัดมาก ณ ตอนนั้น ก็คือ การนำเอาท่านนายกฯ ไปเปรียบเทียบกับฮีโร่หรือพระเอกในหนังในละครซึ่งล้ว นแล้วแต่สะท้อนความ รู้สึกเชิงคาดหวังซึ่งประชาชนคนไทยฝากฝังไว้บนบ่าของ ท่านนายกฯ
มีบ้างบางท่านที่บอกว่าคุณอภิสิทธิ์เปรียบได้กับ อาซากุระ เคตะ อัศวินม้ามืดผู้เข้ามาพลิกเปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองในซ ีรี่ส์ญี่ปุ่นยอดนิยม เรื่อง Change และถ้าจำไม่ผิด ผมคิดว่ามีบทความอย่างน้อยหนึ่งชิ้นในเว็บไซต์แมเนเจ อร์แห่งนี้ (ได้โปรดอภัยให้กับความทรงจำของผมที่นึกไม่ออกแล้วว่ าคอลัมนิสต์ท่านใดเป็น ผู้เขียนบทความดังกล่าว) ได้เปรยเปรียบเทียบเคียงท่านนายกฯมือใหม่ว่ามีส่วนละ ม้ายคล้ายคลึงกับ เจฟเฟอร์สัน สมิธ ในภาพยนตร์การเมืองระดับตำนานเรื่อง Mr. Smith Goes to Washington
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ท่านผู้เขียนบทความชิ้นนั้นเกิดค วามนึกคิดดังกล่าว ผมว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะไม่ว่าใครที่ได้ดูหนังเรื่องนั้น ย่อมจะอดคิดฝันไม่ได้ว่า นายกฯอภิสิทธิ์กับนายสมิธคงไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก อย่างน้อยที่สุด บุคลิกแบบคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ก็ดูจะเป็นสิ่งที่คนทั้งสองมีอยู่ในตัวเองคล้ายๆ กัน
วันเวลาย่างเข้าสู่ปีที่ 3 นับจากรับตำแหน่งผู้นำรัฐนาวา ณ วันนี้ ขณะที่มรสุมทางการเมืองซัดเข้าใส่ อดีตนายกฯ มือใหม่ รอบทิศทาง ผมหยิบหนังเรื่อง Mr. Smith Goes to Washington มาดูซ้ำอีกครั้ง พร้อมทั้งพยายามนึกภาพตามว่า มิสเตอร์สมิธ ที่เคย (เชื่อกันว่า) มีอยู่ในตัวของ มิสเตอร์อภิสิทธิ์ นั้น ยังอยู่ดีสบายไหม? และ...หรือว่าเราประชาชนคนไทยกำลังจะสูญเสียคนดีๆ ให้กับ ขุมนรกแห่งการเมือง ไปอีกคนหนึ่งแล้ว??...
Mr. Smith Goes to Washington เป็นผลงานการกำกับของ แฟรงก์ คาปรา คนทำหนังที่โด่งดังมากๆ ในช่วงทศวรรษ 1930 และเคยมีผลงานได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของเวทีอ อสการ์มาแล้วถึง 2 ครั้ง จากเรื่อง You Can t Take It With You, กับ It Happened One Night ขณะที่หนังอีกส่วนหนึ่งของเขา ไม่ว่าจะเป็น Its a Wonderful Life หรือ Mr. Deeds Goes to Town ก็เป็นชื่นชอบของคนจำนวนมาก เช่นเดียวกับ Mr. Smith Goes to Washington เรื่องนี้ที่แม้แต่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โรนัลด์ เรแกน ยังเคยเอ่ยปากชมอย่างออกนอกหน้า
ผมคิดว่า หนึ่งในความยอดเยี่ยมที่ทำให้ใครต่อใครประทับใจไม่รู ้ลืมเกี่ยวกับภาพยนตร์ การเมืองเรื่องนี้ เหตุผลหลักๆ น่าจะอยู่ที่เนื้อหาของมันที่แม้จะสร้างมานานมากกว่า ครึ่งศตวรรษ แต่ทว่าสาระยังคงร่วมสมัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอภาพของนักการเมืองในอุดมคติ ผ่านตัวละครหนุ่มอย่าง สมิธ ผู้เต็มเปี่ยมด้วยความกล้าหาญและจิตวิญญาณความเป็นนั กสู้ ซึ่งสู้แบบไม่ยอมแพ้ให้แก่ความชั่วร้าย ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะได้รับการขนานนามว่า ดอน กีโฮเต้ แห่งอเมริกา ขณะที่ฉากซึ่งสมิธถูกโดดเดี่ยวในสภา ยืนอภิปรายจนเป็นลมล้มพับไป ก็ถือเป็นฉากที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่ทรงพลังมากที่สุดอี กฉากหนึ่งในโลกภาพยนตร์
เรื่องราวใน Mr. Smith Goes to Washington เริ่มต้นขึ้นที่การเสียชีวิตของวุฒิสมาชิกคนหนึ่งแห่ งรัฐมิดเวสท์ สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือว่า วุฒิสมาชิกคนนี้ดันเป็นผู้มีส่วนอย่างสำคัญต่อโครงกา รสร้างเขื่อนซึ่งกำลัง จะผ่านสภา และมีเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น จิม เทย์เลอร์ นักธุรกิจจอมอิทธิพลผู้ได้รับสัมปทานการสร้างเขื่อนม าด้วยวิธีสกปรก กับวุฒิสมาชิกอาวุโส เจเซฟ เพน ผู้เป็นแขนขาให้เทย์เลอร์ในสภา จึงหารือกันว่า คนที่จะมารับช่วงต่อจากวุฒิฯที่ตายไป ต้องเป็นคนประเภทที่ไม่มีปากมีเสียง และพร้อมจะ ยกมือออกเสียง ตามคำสั่งอย่างปราศจากคำซักถาม
พูดง่ายๆ ก็คือว่า ให้แต่งตั้งใครมาก็ได้ โง่เท่าไหร่ ก็ยิ่งดี และด้วยเหตุนี้ ทำให้ในที่สุด พวกเขาก็ไปคว้าไอ้หนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งมาได้แบบไม่รู้ อนาคตตัวเองเลยว่าเขาจะ กลายมาเป็นหายนะของโครงการเมกะโปรเจคต์นั้นอย่างไร?
(หมายเหตุ: ย่อหน้าที่พิมพ์สีดำต่อจากนี้ไปเป็น spoiler นะครับ ถ้าไม่อยากทราบเนื้อเรื่องมากไปกว่านี้ โปรดอ่านข้ามไปก่อน)
เจฟเฟอร์สัน สมิธ คนหนุ่มที่ถูกคาดหวังให้เข้ามาเป็นเพียง หุ่นเชิด ในสภานั้น คือยุวชนลูกเสือผู้ทำหนังสือพิมพ์ที่มีไว้แจกอย่าง บอย สตัฟฟ์ มีแฟนคลับซึ่งเป็นเด็กในชุมชนท้องถิ่นนับหมื่นคนติดต ามอ่านประจำ และด้วยความที่ผู้ว่าการรัฐมิดเวสท์ (ซึ่งจริงๆ ก็คือเครือข่ายของเทย์เลอร์) ผู้มีอำนาจในการเสนอชื่อแต่งตั้งวุฒิฯคนใหม่ คิดว่าสมิธเป็นคนซื่อๆ ไม่น่าจะมากเรื่องมากราวอะไร บวกกับความละโมบในใจว่า ฐานผู้อ่านของบอย สตัฟฟ์ ก็จะได้เป็นฐานเสียงในอนาคตให้กับตัวเองด้วย ผู้ว่าการรัฐคนนั้นก็เลยเสนอชื่อของสมิธขึ้นมา (และผ่านการอนุมัติทันที) เท่ากับว่า ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัว
แต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่า ไอ้หนุ่มหน้าซื่อๆ คนนี้ จะเป็น ม้ามืดทางการเมือง ผู้สั่นคลอนสภาสูงในเวลาต่อมา
ทันทีที่หนังเปิดตัวคุณสมิธ เขาก็เหมือนจะได้หัวใจของคนดูไปเต็มๆ เฉพาะอย่างยิ่ง การที่หนังเลือกเปิดเรื่องราวในช่วงราวๆ สิบนาทีแรก ด้วยการนำเสนอภาพของนักการเมืองเขี้ยวลากดินที่แพรวพ ราวไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม และกลโกงด้วยแล้ว การปรากฏตัวขึ้นมาของ คนซื่อๆ คนหนึ่ง มันจึงเป็นเสมือนภาพของคู่ขัดแย้งที่สร้างแววแห่งควา มหวังขึ้นมาในใจของคนดู อย่างยากจะปฏิเสธ...คนดู ที่ลึกๆ ก็คงชิงชังนักการเมืองฉ้อฉล และอยากจะเห็นคนดีๆ บ้างในสภา...
และก็เป็นเช่นที่ชื่อหนังบอกไว้...หลังจากได้รับการแ ต่งตั้งแล้ว หนุ่มต่างจังหวัดอย่างสมิธก็ต้องมุ่งหน้าสู่เมืองใหญ ่วอชิงตันเพื่อปฏิบัติ หน้าที่ในวุฒิสภา และช่วงเวลานี้ก็ถือเป็นความขบขันหรรษาของคนดูไปโดยป ริยาย เมื่อหนังเล่นกับความเป็นคนบ้านนอกของสมิธอย่างสนุกส นาน มันเป็นเรื่องปกติที่คนต่างจังหวัดซึ่งไม่เคยเข้ามาเ ห็นความศิวิไลซ์จะตื่น ตาตื่นใจกับแสงสีของเมืองใหญ่เป็นธรรมดา
ทันทีที่ลงจากรถไฟ เจฟเฟอร์สัน สมิธ ก็แทบจะทำอะไรไม่ถูก เห็นอะไรก็ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เป็นที่ขบขันของเจ้าหน้าที่ที่มารับเขา แต่ไม่ว่าจะยังไง ในช่วงฉากที่หนังทำให้คนดูหัวร่อไปกับความเปิ่นเชยขอ งสมิธนี่เอง มีซีนเล็กๆ ซีนหนึ่งซึ่งหนังแอบแง้มให้เห็น ตัวตนด้านลึก ของหนุ่มบ้านนอกที่ในเวลาต่อมา มันได้กลายเป็นต้นทางของวีรกรรมกลางสภาที่ยากจะลืมเล ือน
ซีนที่ว่านั้นก็คือตอนที่สมิธทะเล่อทะล่าผวาเข้าไปใน อนุสาวรีย์ลินคอล์นด้วย นัยน์ตาตื่นเต้น เขายืนเผชิญหน้ากับรูปปั้นของอับราฮัม ลินคอล์น อดีตนักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ที่สมิธชื่นชมบูชา เขาไล่เรียงสายตาไปตามตัวอักษรแห่งสุนทรพจน์ของลินคอ ล์นที่ถูกสลักไว้บนผนัง ข้างๆ รูปปั้น จากท่าทีที่ดูดื่มด่ำลึกซึ้ง เราจับสังเกตได้ว่า สุนทรพจน์ของลินคอล์นซึ่งถือเป็นคำปราศรัยแห่งประวัต ิศาสตร์นั้นน่าจะปลุก เร้าจิตวิญญาณของนักการเมืองหน้าใหม่ให้ฮึกเหิมขึ้น ไม่มากก็น้อย...
ผมคิดว่า นอกเหนือไปจากรูปลักษณ์อันหล่อเหลาขั้นเทพของเจมส์ สจ๊วต (ผู้รับบทเจฟเฟอร์สัน สมิธ) ซึ่งสามารถทำให้คนดู โดยเฉพาะบรรดาเลดี้ทั้งหลายตกหลุมรักได้ง่ายๆ แล้ว มันมีเหตุผลอีกมากมายหลายอย่างที่ค่อยๆ บ่มเพาะความรู้สึกหลงรักตัวละครตัวนี้ให้เกิดขึ้นกับ คนดู อย่างเช่น ความใสซื่อตรงไปตรงมา ไม่มีลับลมคมใน แต่ที่ชัดที่สุดประการหนึ่ง น่าจะได้แก่ความเป็นนักอุดมคติช่างคิดช่างฝัน และไม่มากก็น้อย เชื่อแน่ว่า คุณสมบัติข้อนี้ สมิธน่าจะได้รับการผ่องถ่ายมาบ้างจากผู้เป็นพ่อ
ครั้งหนึ่ง เจฟเฟอร์สัน สมิธ พูดกับเลขาฯสาวของเขาว่า พ่อผมท่านเคยบอกว่า ลูกเอ๋ย อย่าพลาดชมสิ่งมหัศจรรย์รอบตัวลูก เพราะต้นไม้ทุกต้น หินทุกก้อน จอมปลวกทุกจอมปลวก ดาวทุกๆ ดวง เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ท่านเคยบอกผมว่า ลูกเคยสังเกตมั้ยว่ามันน่าปลื้มแค่ไหน เวลาเห็นแสง หลังจากออกมาจากอุโมงค์มืดมิด ฉะนั้น จงพยายามชื่นชมชีวิตรอบๆ ตัว ดุจดังว่าเพิ่งออกมาจากอุโมงค์
นี่คือคารมคมคิดที่อย่าว่าแต่เราคนดูจะต้องรีบจดจารไ ว้หยิบอ่านในภายหลังเลย แม้แต่เลขาฯ ของสมิธอย่าง คลาริสซ่า ซอนเดอร์ส (จีน อาเธอร์) ที่ค่อนข้างจะดูแคลน หัวหน้าคนใหม่ ในตอนแรกๆ ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลึกซึ้ง เคลิบเคลิ้มไปกับถ้อยคำของไอ้หนุ่มบ้านนอก
บอกเล่าเท้าความเล็กน้อยครับว่า พ่อของสมิธ คืออดีตนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นผู้ยึดมั่นในอุดมการณ ์และเป็นมิตรที่เคย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย หัวหกก้นขวิดมาด้วยกันกับ โจเซฟ เพน (วุฒิสมาชิกอาวุโสที่กำลังจะได้ลงชิงตำแหน่งประธานาธ ิบดี) ตลอดทั้งชีวิต พ่อของสมิธเป็นพวก ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ยอมหักไม่ยอมงอ จนวาระสุดท้าย มีคนพบร่างไร้วิญญาณของเขา หน้าคว่ำอยู่บนแป้นพิมพ์ดีดพร้อมกระสุนปืนเจาะกะโหลก ศีรษะ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มอิทธิพลที่โดนแฉ
แน่นอน คุณสมบัติความเป็นนักสู้ที่มีอยู่ในตัวของผู้เป็นพ่อ นั้น ถูกส่งผ่านสู่ลูกในแบบที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนๆ เดียวกัน อย่างไรก็ดี กล่าวสำหรับยุวชนลูกเสืออย่างสมิธ เขาอาจจะคุ้นเคยกับสิงสาราสัตว์สารพัดชนิดมาแล้วในป่ าไม้ แต่เมื่อต้องมาตกอยู่ในพงไพรของ สัตว์การเมือง อย่างพวกวุฒิสมาชิกเจ้าเล่ห์ทั้งหลาย วิธีการที่เคยใช้ได้กับสัตว์ป่า อาจไม่มีค่าความหมายอีกต่อไป ปัญหาก็คือ แล้วเขาจะใช้อะไรไปต่อสู้กับ สัตว์การเมือง ผู้โลภโมโทสันในประโยชน์โภชผลส่วนตนเหล่านั้น
หลังจากสถานการณ์ในหนังถูกปูพื้นให้เห็นความเป็นมาแล ะพื้นฐานจิตใจของตัว ละครอย่างครบถ้วนรอบด้านทุกคนแล้ว หนังก็เริ่มเพิ่มความเข้มข้นขึ้นทีละขั้น เมื่อนักการเมืองซื่อๆ อย่างสมิธคิดวาดแผนใหญ่ด้วยการจะสร้างค่ายลูกเสือเพื ่อให้เด็กๆ ได้ใช้วันหยุดช่วงฤดูร้อนให้เป็นประโยชน์ และแผนการนั้นก็น่าจะ ผ่าน ได้ไม่ยาก ถ้าเพียงแต่ ที่ ซึ่งเขาตั้งใจจะใช้สร้างค่ายลูกเสือนั้น มันจะไม่ใช่ สถานที่เดียวกัน กับจุดสร้างเขื่อนของจิม เทย์เลอร์
เหตุการณ์ถัดจากนี้ คงไม่ต้องบอกว่าสมิธต้องเผชิญกับวิธีการสกปรกอะไรบ้า งที่ข้าง ฝ่ายตรงข้าม กระทำต่อเขา เพราะสิ่งที่น่าคิดยิ่งกว่านั้นก็คือภาพของการเป็นนั กการเมืองในอุดมติซึ่ง ถูกใส่ลงไปในตัวตนของตัวตนของเจฟเฟอร์สัน สมิธ จนเปี่ยมล้น เขาคือ คนที่หาได้ยากในยุคนี้ อย่างที่โจเซฟ เพน ว่าไว้จริงๆ
สมิธยอมไม่ได้ที่จะให้ใครก็ตามซึ่งอยู่นอกสภามาใช้อำ นาจ(และเงิน)ชี้นิ้ว สั่งการบอกคนในสภาว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ และที่สำคัญเหนืออื่นใด เขาไม่มีวันประนีประนอมหรือปรองดองสมานฉันท์กับความต ่ำช้าเลวทรามเป็นเด็ด ขาด!!
อย่างไรก็ดี นักต่อสู้ก็มีช่วงที่อ่อนล้า และในบางห้วงขณะ หนังยังทำให้เราคนดูอดเป็นกังวลไม่ได้ว่านักการเมือง น้ำดีอย่างสมิธ ที่สุดแล้ว จะเคลิบเคลิ้มคล้อยตามหรือไม่กับถ้อยคำของ โจเซฟ เพน นักการเมืองรุ่นเก๋าที่สั่งสอนเขาด้วยวาทกรรมอันสวยห รูว่า นี่เป็นโลกของผู้ใหญ่ เธอต้องเก็บอุดมการณ์ของเธอไว้นอกประตู เหมือนรองเท้ากันฝน...30 ปีก่อน ฉันก็เคยมีอุดมการณ์เหมือนเธอ ฉันต้องตัดสินใจแบบเธอ และฉันก็ตัดสินใจ...ฉันประนีประนอม เพื่อให้ตัวเองได้นั่งอยู่ในสภาและรับใช้ประชาชนอย่า งซื่อสัตย์อีกนับพัน วิธี
แต่โชคดีอยู่นิดที่สมิธเลือกที่จะ เชื่อ ในถ้อยคำของ คลาริสซ่า เลขาฯ สาวของเขามากกว่า...เธอบอกกับเจ้านายของตัวเองด้วยน้ ำเสียงแห่งกำลังใจว่า คุณไม่ได้ศรัทธาในเพนหรือในคนอื่นๆ คุณศรัทธาในสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คุณรู้จักผิดชอบชั่วดี แล้วประเทศนี้ก็ต้องการสิ่งนั้น...
อันที่จริง ผมไม่อยากจะด่วนสรุปว่า ถ้าคุณๆ นักการเมืองทั้งหลายกล้าหาญที่จะฟาดฟันกับความชั่วร้ ายและยืนอยู่ข้างความ ถูกต้อง คุณไม่มีวัน ยืนโดดเดี่ยว แน่นอน คุณอาจจะถูกทำให้เหมือน ตัวคนเดียว ในสภา เหมือนสมิธ แต่อย่าลืมว่า พ้นจากประตูรัฐสภาออกไปนั้น เสียงของประชาชนยังโห่ร้องกึกก้องและพร้อมที่จะสนับส นุนให้กำลังใจคุณ
แต่ถึงกระนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า สาระที่ Mr. Smith Goes to Washington พยายามนำเสนอนั้น มันเปรียบเสมือน เสียงหนึ่ง ซึ่งส่งตรงไปถึงบรรดานักการเมืองในโลกนี้ให้ลุกขึ้นม ายืดหยัดต่อสู้ อาจจะไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของมวลมหาประชาชนก็ได้ เพราะมันเป็นเรื่องยากอยู่แล้วที่จะทำอะไรให้ ถูกใจ ใครทั้งหมด แต่การยืนหยัดต่อสู้ที่หนังทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง ก็คือการต่อสู้เพื่อสิ่งที่เรียกว่า ความถูกต้องดีงาม แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว การต่อสู้นั้นมันจะจบลงด้วย ความสูญเปล่า ก็ตามที...
นี่คงเป็นความสูญเปล่าอีกครั้ง วุฒิสมาชิกหนุ่มหน้าซื่อ กล่าวอย่างองอาจท่ามกลางนักการเมืองเก๋าเกมในสภา... พวกท่านไม่รู้เรื่อง ความสูญเปล่าหรอก แต่ท่านเพนรู้ ท่านเคยพูดว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่คุ้มค่าที่จะต่อสู้ ครั้งหนึ่งท่านเคยสู้เพื่อมัน ผมจึงรักท่านเหมือนที่พ่อผมเคยรัก ท่านก็รู้กฎข้อนี้ ท่านรู้ว่าการต่อสู้เพื่อความสูญเปล่านั้นหนักกว่ากา รต่อสู้ครั้งใดๆ แต่ผมจะสู้ต่อไป ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมจะปักหลักที่นี่...สู้เพื่อความสูญเปล่า
การต่อสู้เพื่อความสูญเปล่า...ภายหลังดูหนังจบ ผมกลับมาทบทวนหวนคิดถึงถ้อยคำนี้ พร้อมๆ กับที่พยายามค้นหาความหมายซึ่งแฝงอยู่ในวาทะดังกล่าว
อาจไม่ถูกต้องตรงความร้อยเปอร์เซ็นต์กับสิ่งที่หนังอ ยากจะสื่อ แต่ผมคิดของผมเองว่า การต่อสู้เพื่อความสูญเปล่า แท้ที่จริง มันอาจจะหมายถึงการต่อสู้ที่คนซึ่งต่อสู้ไม่ได้เรียก ร้องต้องการสิ่งใดจาก การต่อสู้นั้นๆ คือถ้าเห็นว่าถูกต้อง ก็สู้เพื่อความถูกต้อง โดยไม่ต้องรีรอชั่งใจว่าตนเองจะได้รับประโยชน์โภชผลใ ดก่อนแล้วค่อยลุกขึ้น สู้
นักการเมืองที่ไร้ผลประโยชน์แอบแฝง จะต่อสู้เพื่อความสูญเปล่า เพราะสุดท้ายแล้ว เขาจะ ไม่ได้รับ อะไรเลย นอกเหนือไปจาก ทำสิ่งที่ดีงามให้ปรากฏ
และจะเนื่องจากว่า เพราะต่อสู้แล้วมัน ไม่ได้รับอะไรเลย นี่หรือเปล่าไม่แน่ใจ โลกของเราจึงขาดไร้ นักอุดมคติ แบบเจฟเฟอร์สัน สมิธ ในทางตรงกันข้าม กลับเกลื่อนกลาดดาษดื่นด้วย นักเล่นการเมือง ที่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ที่จะ ได้รับ และมีความคิดความเชื่อแบบเดียวกับวุฒิสมาชิกอาวุโส โจเซฟ เพน
...โจเซฟ เพน ผู้สารภาพกับนักการเมืองรุ่นลูกอย่างคนที่ปล่อยวางแล ้วซึ่งเกียรติและ ศักดิ์ศรีว่า ฉันประนีประนอม เพื่อให้ตัวเองได้นั่งอยู่ในสภา
(ที่มา: มิสเตอร์สมิธ ผู้ตอกหน้านายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 21 มิถุนายน 2553 --- - > http://www.manager.co.th/Entertainme...=9530000085147 ขออนุญาตและขอขอบคุณคุณอภินันท์ บุญเรืองพะเนา ผู้เขียนบทความมา ณ ที่นี้ด้วย)
Quality: BDRip
File Format: MKV
Video Codec: x264
Audio Codec: AAC
Video Resoluton: 962x720 (4:3) / 23.976 fps / ~4,000 kbps / 0.241 bpp
Audio: English 2 ch (Front: L R) / 48.0 kHz / 16 bits / 128 kbps
Subtitles: English/Thai (on separate files)
Special thanks to the original uploader and especially "tuvwxyzzz" for Thai subtitle.
Media Info:
Unique ID : 181330910969296596646421736440853245916 (0x886B1029260D48BAB91ECA417CBD2FDC)
Complete name : Q:MoviesMr. Smith Goes To Washington (1939) (WEB-DL 720p)Mr.Smith.Goes.to.Washington.1939.720p.WEB-DL.AAC2.0.H.264.mkv
Format : Matroska
Format version : Version 2
File size : 3.81 GiB
Duration : 2h 10mn
Overall bit rate : 4 194 Kbps
Encoded date : UTC 2013-01-28 01:13:41
Writing application : mkvmerge v5.8.0 ( No Sleep / Pillow ) built on Sep 2 2012 15:37:04
Writing library : libebml v1.2.3 + libmatroska v1.3.0
Video
ID : 1
Format : AVC
Format/Info : Advanced Video Codec
Format profile : [email protected]
Format settings, CABAC : No
Format settings, ReFrames : 2 frames
Muxing mode : Header stripping
Codec ID : V_MPEG4/ISO/AVC
Duration : 2h 10mn
Width : 962 pixels
Height : 720 pixels
Display aspect ratio : 4:3
Frame rate : 23.976 fps
Color space : YUV
Chroma subsampling : 4:2:0
Bit depth : 8 bits
Scan type : Progressive
Language : English
Color primaries : BT.709-5, BT.1361, IEC 61966-2-4, SMPTE RP177
Transfer characteristics : BT.709-5, BT.1361
Matrix coefficients : BT.709-5, BT.1361, IEC 61966-2-4 709, SMPTE RP177
Audio
ID : 2
Format : AAC
Format/Info : Advanced Audio Codec
Format profile : LC
Codec ID : A_AAC
Duration : 2h 10mn
Channel(s) : 2 channels
Channel positions : Front: L R
Sampling rate : 48.0 KHz
Compression mode : Lossy
Language : English
Text
ID : 3
Format : UTF-8
Codec ID : S_TEXT/UTF8
Codec ID/Info : UTF-8 Plain Text
Language : English
Menu
00:00:00.000 : en: 1
00:06:37.000 : en: 2
00:11:22.000 : en: 3
00:19:59.000 : en: 4
00:24:41.000 : en: 5
00:33:35.000 : en: 6
00:44:21.000 : en: 7
00:57:25.000 : en: 8
01:06:13.000 : en: 9
01:12:35.000 : en: 10
01:22:08.000 : en: 11
01:29:12.000 : en: 12
01:41:45.000 : en: 13
01:50:47.000 : en: 14
01:59:09.000 : en: 15
02:08:05.000 : en: 16
http://www.filecondo.com/dl.php?f=E85e761vSMQY