ขอเป็นกำลังใจให้ duckload อย่าเป็นรัยนะคับ
3 ประสาน ICT-กสทช.-ISP บล็อกเว็บนอกแถวตามสั่ง "คสช."
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
นับตั้งแต่มีการประกาศใช้กฎอัยการ ศึกเมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงการยึดอำนาจโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คำสั่งแรก ๆ ที่ประกาศออกมาคือการสั่งห้ามเผยแพร่ข้อมูล รวมถึงระงับการส่งต่อข้อมูลเชิงปลุกระดม สร้างความแตกแยก หมิ่นสถาบันหลักของประเทศ โดยขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการและผู้มีส่วนเกี่ยวข ้องกับสื่อสังคมออนไลน์
และเพื่อให้เกิดการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าวอย่างจริง จังในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) จึงได้รับเทียบเชิญประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางปฏิบัติให ้อยู่ภายใต้คำสั่งของ คสช. ทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งสิ่งที่ ISP ต้องดำเนินการจากนี้คือการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ ตาม URL ที่ คสช.ส่งรายชื่อให้ภายใน 1 ชั่วโมง
นอกจากนี้ คสช.ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานกำกับดูแลการใช้อินเทอร์เ น็ตและสื่อสังคมออนไลน์ มีปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อดูแลและสอดส่องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ด้วย
สุรชัย ศรีสารคาม ปลัดกระทรวงไอซีที เปิดเผยว่า คณะทำงานดังกล่าวแบ่งเป็น 3 คณะ ได้แก่ 1.คณะทำงานด้านอำนวยการ รับผิดชอบด้านงานธุรการเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน มีผู้ช่วยปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นหัวหน้า 2.คณะทำงานด้านการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล มี พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ที่ปรึกษาปลัดกระทรวงไอซีทีเป็นหัวหน้าคณะ มีอำนาจตรวจสอบและสั่งระงับข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร ์ที่เป็นการกระทำผิดตามประกาศ คสช. พร้อมรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งต่อให้คณะทำงานที่ 3 คือ คณะทำงานด้านสืบสวนสอบสวนและปราบปรามดำเนินคดีต่อไป โดยมีผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอ าชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะ
"เวลานี้มีคณะทำงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมสื่อออน ไลน์ 3 หน่วยงานคอยมอนิเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ คณะทำงานของ คสช.ที่กองทัพบกเป็นผู้ดำเนินการ วอร์รูมของ กสทช.และของไอซีที ซึ่งทั้งหมดจะทำงานประสานกัน โดยวอร์รูมของ คสช.จะดำเนินการเจาะจงเป็นรายบุคคลที่ต้องมีการเฝ้าร ะวัง ส่วน กสทช.กับไอซีทีจะกำกับดูแลการใช้งานให้เป็นไปตามกรอบ ของ คสช.เป็นหลัก ซึ่งจะเข้มข้นกว่า พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะถ้าฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีโดยขึ้นศาลทหาร มีโทษจำคุก 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ตั้งแต่วันที่ 20-25 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการปิดเว็บไซต์ที่เข้าข่ายไปแล้วกว่า 220 เว็บไซต์ ส่วนการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กไม่ว่าจะเป็น อินสตาแกรม, เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และไลน์ หากพบการส่งข้อมูลที่เข้าข่ายดังกล่าวจะมีการประสานก ับบริษัทแม่ในต่าง ประเทศเพื่อขอให้ปิดบัญชีการใช้งานของผู้ที่ฝ่าฝืนคำ สั่งของคสช.เป็นราย บุคคล ไม่ได้ปิดการให้บริการทั้งหมด ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจะมีการสั่งบล็อกเกตเวย์ (วงจรเชื่อมต่อระหว่างประเทศ) ในส่วนที่จะส่งข้อมูลเข้ามาในไทย
ขณะเดียวกัน กระทรวงไอซีทีจะเดินหน้าโครงการเนชั่นแนลดิจิทัลอินเ ทอร์เน็ตเกตเวย์ ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง ISP ที่มีเกตเวย์เป็นของตนเอง อาทิ บมจ.ทีโอที บมจ. กสท โทรคมนาคม และ ISP อื่น ๆ อีก 6 ราย เพื่อสร้างมาตรฐานโครงข่ายด้านความมั่นคงปลอดภัยและใ ห้ประชาชนใช้งานได้ทั่วถึงในราคาประหยัด รวมถึงแผนการสร้าง "ไทยแลนด์โซเชียลเน็ตเวิร์ก" ให้คนไทยใช้งาน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรมได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
"เกตเวย์ในมือของทีโอทีและ กสทฯแค่ 2 ราย ครอบคลุม 80-90% ของการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยแล้ว หากรวมอีก 6 รายที่เช่าใช้จากต่างประเทศมาเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกันจ ะเป็นการแชร์ใช้และลงทุนร่วมกัน ไม่ต้องเช่าของต่างประเทศ ฟาก ISP ก็ยังทำธุรกิจได้เหมือนเดิมแต่มีมาตรฐานการกำกับดูแล ที่ดีขึ้น กระทรวงไอซีทีจะเป็นคนกำกับดูแลการสร้างเกตเวย์ใหม่"
ปลัดกระทรวงไอซีทีย้ำว่า การมีเนชั่นแนลเกตเวย์จะช่วยให้การบล็อกเว็บไซต์ การป้องกันจากการโจมตีทางไซเบอร์ด้วยการก่อการร้ายหร ือด้วยข้อมูลทำได้ง่ายขึ้น
แหล่งข่าวจากไอเอสพีรายหนึ่งเปิดเผยว่าในการประชุมเพ ื่อขอความร่วมมือกับ ISP ที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงนี้ ทางทหารยอมรับว่าผู้กระทำผิดจะเปิดเว็บใหม่ไปเรื่อย ๆ จึงต้องไล่ปิดไปเรื่อย ๆ เช่นกัน ส่วนการปิดกั้นโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือแอปพลิเคชั่นประ เภท "แชต" ที่เป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร ต้องประสานกับบริษัทแม่ในต่างประเทศของแต่ละเว็บ
"ตามนโยบายการใช้งานของบริษัทเหล่านี้ จะปิดบัญชีการใช้งานให้ต่อเมื่อมีการใช้เป็นช่องทางค ้ายาเสพติด ค้าประเวณี ค้าสิ่งของผิดกฎหมาย แต่เนื้อหาต้องห้ามตามคำสั่งของ คสช. จะมีเข้าข่ายต่อเมื่อเป็นการเผยแพร่เนื้อหาเพื่อปลุก ระดมให้ลุกขึ้นมาฆ่าฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น คงไปหวังให้เจ้าของเว็บหรือแอปเหล่านี้ช่วยบล็อกให้ค งไม่ได้ ทางเดียวที่จะบล็อกได้คือ บล็อกตั้งแต่ต้นทางเกตเวย์ที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีปัจจุบันพัฒนาขึ้นจนบล็อกได้โดยไม่ทำให ้เว็บอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบได้แล้ว ทาง คสช.ทราบข้อมูลตรงนี้ ถ้าจะให้ทำก็ต้องมีคำสั่งทางการลงมา"
ที่เป็นความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ คือหลังกระทรวงไอซีทีเรียกประชุม ISP ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ช่วงบ่ายของวันที่ 28 พ.ค. 2557 (ระหว่างเวลา 15.50-16.30 น.) ปรากฏว่าบรรดาสาวกโซเชียลเน็ตเวิร์กสุดฮิต
"เฟซบุ๊ก" ในบ้านเราไม่สามารถใช้งานได้ชั่วขณะ ทั้งการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ส่วนบุค คล ทั้งเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊ก สร้างความปั่นป่วนและกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หล าย สมกับที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกที่มีคนใช้เฟซบุ๊กมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ทั้งกระทรวง ไอซีที, กสทช. และ คสช.ต้องออกมายืนยันตรงกันว่า ไม่ได้มีคำสั่งบล็อกเฟซบุ๊กแต่อย่างใด แต่เกิดจากข้อขัดข้องทางเทคนิคที่เกตเวย์เนื่องจากมี ทราฟฟิกการใช้งานและยอดดาวน์โหลดบนโครงข่ายสูงมาก พร้อมยืนยันว่า คสช.ไม่มีคำสั่งบล็อกการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม หรือแอปพลิเคชั่นแชต "ไลน์"
และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเดิมขึ้นอีก กระทรวงไอซีทีเตรียมเรียก ISP ทั้งหมดมาหารือเพื่อหาทางป้องกันอีกครั้ง กรูเกลียดดดด ICT