+ ตอบกลับกระทู้
สรุปผลการค้นหา 1 ถึง 2 จากทั้งหมด 2
  1. #1
    Administrators รูปส่วนตัว Duckload.us
    สมัครเมื่อ
    Dec 2010
    โพสต์
    159,550
    Thanks
    7
    Thanked 166,085 Times in 73,343 Posts

    Lightbulb [จีน]- ปะ ฉะ ดะ คนเหนือยุทธ - Dragon.Tiger.Gate.2006.720p.BDRip.XviD.TH.AC3-Estb- [Modified]-[พากย์ไทย]




    เสียงไทยจาก dvd zone 3 united โม by ท่าน ann456


    ช่วง 10 ปีหลังมานี้
    วงการหนังฮ่องกงตกต่ำมานาน นั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้ว สำหรับหนังแอ็กชั่น โดยเฉพาะแบบที่เน้นการต่อสู้ตัวต่อตัว ในแบบที่เรียกกันว่า หนังศิลปะป้องกันตัว หรือ กังฟู ที่ฮ่องกงเคยได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่ง มาอย่างยาวนาน ฮ่องกงถูกท้าทายจากผู้มาใหม่ อย่างเกาหลี กับหนังอย่าง City of Violence ประเทศไทย ที่มีหัวหอกอย่าง พนม ยีรัม และผู้กำกับคิวบู๊ที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ พันนา ฤทธิไกร หรือ แม้แต่อเมริกาเอง ที่สร้างหนังศิลปะป้องกันดีด้วยการดึงมือดีมาจากทั่ว โลก

    หนังฮ่องกงเริ่มมาฟื้นตัวเมื่อ 7-8 ปีมานี้
    ด้วยการกลับมาของหนัง action คิวบู๊สวย สุดมันส์
    เริ่มต้นจาก S.P.L ,Invisible target ,Dragon tiger gate , Flash Point ปลุกกระแสอดีตแชมป์เก่ากลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

    หลังจากความสำเร็จของ S.P.L สองคู่หู Donnie Yen (แสดงนำ) และ Wilson Yip (กำกับ) กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ในงานแอ็กชั่นที่มีกลิ่นอายของหนังกังฟูเหมือนเดิม แต่แฟนๆ ของทั้งคู่ที่คาดหวัง จะได้เห็นงานแบบ SPL อีกครั้ง อาจจะต้องผิดหวังนิดหน่อย เพราะความนี้ ความสมจริงสมจังแบบ SPL จะถูกโยนทิ้ง แล้วลวดสลิงค์ กับความโอเวอร์มาแทน อธิบายกันแบบสั้นๆ Dragon Tiger Gate เป็นหนังกำลังภายในที่มีฉากหลังเป็นโลกแห่งแก็งมาเฟี ย โจทย์ของหนังก็คือการสร้างความแปลกใหม่ ด้วยการเอาองค์ประกอบแบบหนังกำลังภายใน มาอยู่ในสิ่งแวดล้อมร่วมสมัยที่ผสมผสานวัฒนธรรมต่างย ุคสมัย โดยพยายาม ถ่ายทอด "อารมณ์" แบบการ์ตูนให้ออกมา ให้เป็นภาพเคลื่อนไหว

    ในยุคสมัยแห่งอาญากรรม จอมยุทธ กลายเป็นเพียงสมุมมาเฟีย และวิชากำลังภายในก็ไม่ต่างอะไรกับพลังที่ชั่วร้าย มีเพียง "สำนักพยัคฆ์มังกร" เท่านั้นที่ยัง รักษาคุณธรรมดั่งเดิมแห่งชาวยุทธไว้ เป็นสำนักสุดยอดแห่งยุทธจักร เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ หวังเสี่ยวหู่ (เซียะถิงฟง) เด็กหนุ่มผู้สืบทอดสายเลือดแห่งผู้ก่อตั้งสำนัก พยัคฆ์มังกร ได้พบกับพี่ชายร่วมบิดา เดียวกัน ที่พลัดพลาดกันตั้งแต่เด็ก หวังเสี่ยวหลง (Donnie Yen) ที่ตอนนี้กลายเป็นลูกสมุน ของหัวหน้าแก็งยาเสพติด หม่ากวน (เฉินกวนไท้) ไปแล้ว ถึงแม้จะเป็น บุตรชายคนโตแต่ หวังเสี่ยวหลง เป็นลูกที่เกิดจากภรรยาอีกคนของเจ้าสำนัก มารดาของเขาเลือกที่จะออกจากสำนักพยัคฆ์มังกร ด้วยเหตุผลความจำเป็นบางอย่าง

    เมื่อสองสายเลือดแห่งสำนักได้เจอกันอีกครั้ง หวังเสี่ยวหลง พยายามดึงตัวพี่ชายออกจากความชั่วร้าย และกลับสู่สำนักพยัคฆ์มังกร อีกครั้ง แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า หม่ากวน เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ทำให้ หวังเสี่ยวหลงได้แต่ปฏิเสธ ความหวังดีของน้องชาย นอกจากนั้นตัวของนักเลงใหญ่อย่าง หม่ากวน เองก็ใกล้ถึงวันเกษียน ล้างมือในบ่อทองคำ เลิกราจากวงการนักเลงที่ชั่วร้ายนี่ซะที นั้นเองสร้างความไม่พอใจแก่ ชิโบมิ ผู้นำแห่งองค์กรใต้ดิน ที่ควบคุมวงการนักเลงทั้งหมดไว้ หม่ากวน จึงกลายเป็นเป้าหมายแห่งการกำจัด เช่น เดียวกันสำนักพยัคฆ์มังกร ที่ชิโบมิ เห็นเป็นเสี้ยนหนามสำคัญเช่นเดียวกัน สองพี่น้องผุ้สืบทอดสายเลือดแห่งจอมยุทธ หวังเสี่ยวหลง และ หวังเสี่ยวหู่ ต้องผนึกกำลังกับ ไอ้หนุ่มหัวทอง กระบองสองท่อน สือเฮยหลง (หยูเหวินเล่อ) ที่ต้องการพิสูรณ์ฝีมือตัวเอง และเข้าเป็นศิษย์ของสำนักพยัคฆ์มังกร เพื่อจัดการกับศัตรูที่เป็นภัยร้ายต่อยุทธภพ

    สิ่งที่ต้องพูดถึงแบบเลี่ยงไม่ได้เมื่อกล่าวถึงหนังเ รื่องนี้ก็คือ ฉากต่อสู้ Donnie Yen ที่แสดงบทนำเป็นผู้รับหน้าที่นี้เอง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากจะความโด่งดังของเขาจะเพิ่มขึ้นมากในฐานะนักแส ดงแล้ว Donnie Yen ยังผันตัวกลายเป็น ผู้กำกับคิวบู๊ ที่มาแรงคนหนึ่งแห่งยุค ความสามารถทางภาษาอังกฤษช่วยให้เขาขยายขอบเขตงานไปยั งทั่วโลก ทั้งหนังญี่ปุ่น The Princess Blade หนังอเมริกัน The Blade (Giacomo Del Toro, 2002) ในฮ่องกงเองงานอย่าง SPL ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถของดาราหนุ่มหน้าคม ผู้นี้เป็นอย่างดี

    ใน Dragon Tiger Gate ถึงแม้ตัวละคร จะฟัดกันด้วยวิชากังฟู ที่ดูแล้วจะอ้างอิงถึงหนังของบรูซ ลี ไม่ว่าจะเป็นการให้ตัวละครหลักตัวหนึ่งใช่อาวุธกระบอ งสองท่อนแบบที่บรูซ ลี เคยใช้ ร่วมถึงการเลือกอดีตตัวแสดงแทนของบรูซ ลี อย่างหยวนหัว ให้มามีบทเด่น เป็นตัวแทนของ "ผู้รักษาค่านิยมแบบกังฟูเดิม" แต่คิวบู๊ในเรื่องถูกออกแบบกลับไปคนละครกับหนังของ บรูซ ลี หรือ หนังกังฟูขนาดแท้ ชนิดหน้ามือ กับตาตุ่มเลย ขณะที่หนังหนังกังฟูแบบเก่า หนังเน้นเสนอทักษะ และความสามารถทางร่างกาย ของผู้แสดงเป็นสำคัญ

    ฉากต่อสู้ถูกออกแบบให้รองรับ ความเหนือจริง ในแบบการ์ตูน ของตัวเรื่อง หนังเน้นการใช้ลวดสลิงค์ในแบบ Wired Fu มีการใช้คอมพิวเตอร์กวาฟฟิคแต่ง ภาพ ใช้เทคนิคในการถ่ายภาพ และการตัดต่อ สร้างความหวือหวา ให้การการต่อสู้ของนักแสดงในเรื่อง จนดูห่างไกลกับการต่อสู้แบบกังฟู และเข้าไปใกล้หนังซุปเปอร์ฮีโร่เข้าไปทุกที แน่นอนว่าหนังประสบความสำเร็จในการสร้าง "ความตื่นตาตื่นใจ" ให้กับผู้ชม แต่สำหรับคนดูบางกลุ่ม โดยเฉพาะแฟนพันธ์แท้ของหนังศิลปะป้องกันตัว (และแฟนพันธ์แท้ของ Donnie Yen) ที่เรียกร้องฉากต่อสู้ที่สมจริงสมจังมากกว่านี้ (ในแบบหนังอย่าง SPL หรือ องค์บาก) คงจะต้องผิดหวังไปแบบช่วยไม่ได้

    ถ้าเรามองข้าม Dragon Tiger Gate ในฐานะหนังกังฟู แล้วมองให้เป็นหนังกำลังภายในเรื่องหนึ่งละจะเป็นเช่ นไร? ฉากต่อสู้ของหนังในฐานะหนังกำลังภายในก็ยังถือว่าดี แต่ไม่สมบูรณ์อยู่ดี หนังบู๊กันในปริมาณที่มาก แต่ละฉากก็ยาวพอสมควร แต่ยังไม่มีฉากไหนเลย ที่โดนเด่นจนเราอยากจะเข้าโรงไปอีกครั้งเพื่อไปดูฉาก นั้นอีกซักรอบ ความ "เหนือจริง" ของฉากต่อสู้ในเรื่องนั้นถูกใส่อย่างไม่บังยะบังยังน ั้นบางทีก็กลายเป็นความ เกินเลยไป การดูคิวบู๊ในแบบ หลุดโลก เหาะเหินเดินอาการ แบบในเรื่อง ก็บันเทิงได้ในระดับหนึ่ง แต่มากเกินไปกลายเป็นความน่าเบื่อได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม

    ถึงแม้จะมีจุดด้อยอยู่บ้าง คิวบู๊ในหนังก็คือว่าสอบผ่านแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างฉากต่อสู้ในเรื่อง ให้มีความหมายกับการดำเนินเรื่องในระดับน่าพอใจ ฉากต่อสู้บางฉาก สามารถแสดงให้เห็นถึงการ คาแร็คเตอร์ และความเปลี่ยนแปลงทางบุคลิค และสามารถรองรับการแสดงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างชัดเ จน (ขณะที่หนังบางเรื่องที่มีคิวบู๊ระดับเกรดเอ แต่ความสำคัญของฉากต่อสู้ ต่อตัวเรื่องกลับเป็นศูนย์ เพราะฉะนั้น คิวบู๊ในหนังจึงเป็นได้เพียง "การแสดงกายกรรม" แบบหนึ่งเท่านั้น)

    ดู Dragon Tiger Gate จบแล้วก็ชวนให้นึงถึงหนังดังอีกเรื่องที่ฉายไปเมื่อห ลายปีก่อน "ฟงหวิ๋น" (The Storm riders) ดูแล้วแม้ว่าจะมีอารมณ์ที่แตกต่างกัน แต่ทั้งสองเรื่องก็มีองค์ประกอบต่างๆ ที่คล้ายคลึงกันมาก เช่น ดัดแปลงจากการ์ตูนที่เป็นตำนานของฮ่องกงเช่นเดียวกัน แสดงโดยซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจวัยรุ่น มีงานสร้างใหญ่โตและแปลกใหม่เป็นจุดขายสำคัญ ฟงหวิ๋น เรียกร้องความสนใจด้วย CG เทคนิคพิเศษทางคอมพิวเตอร์ Dragon Tiger Gate ก็ทำอย่างเดียวกัน แต่ด้วยการ กำกับศิลป์ที่ออกแบบโดย วิลเลี่ยม จางซู่ผง ที่ทำงานด้านนี้ให้กับหนังของหว่องกาไวทุกๆ เรื่อง Dragon Tiger Gate เต็มไปด้วยงานศิลป์ ที่จัดจ้าน ทั้งฉากที่เต็มไปด้วยสีสรรค์บาดตา รวมถึงเครื่องแต่งกาย และทรงผม (ที่ดูแล้วไม่ค่อยไปกับ "วัย" ของ Donnie Yen ซักเท่าไหร่) ส่วนดนตรีประกอบประพันธ์โดย เคนจิ คาวาอิ ที่เคยฝากผลงานไว้ใน Seven Swords (2005, Tsui Hark)

    ถึงแม้ ฉากต่อสู้ และงานสร้าง จะทำออกมาได้อย่างน่าชมเชย แต่ปัญหาของ Dragon Tiger Gate กลับเป็นเรื่องเดิมๆ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ กับหนังฮ่องกง บทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความไม่สมบูรณ์ ถ้าให้ไล่ก็ได้แก่ ความเป็นส่วนเกินของตัวละคร สือเฮยหลง ที่แสดงโดยหยูเหวินเล่อ ที่เรียกว่าไม่มีบทบาทต่อเนื้อเรื่องหลักเลย, การใช้ภาพย้อนอดีต (Flesh Back) แบบไร้ประโยชน์ ถึงแม้หนังจะมีการย้อนอดีตโดยเฉพาะในส่วนเรื่องราวขอ ง หวังเสี่ยวหลง ซึ่งสามารถบอกใช้ข้อมูลที่สำคัญบางอย่างในเรื่องได้ แต่ในทางกลับกันฉากย้อนอดีตเหล่านี้ กลับดูผิดที่ผิดทาง น่าเบื่อ เยิ้นเยื้อ และไม่ได้เสริมอารมณ์หนังอะไรเลย, อีกปัญหาที่พบก็คือ ความอ่อนด้อยในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ที่ดูไร้น้ำหนัก และตื้นเขิน ผู้กำกับคิดจะให้ตัวละครรักก็รัก ให้โกรธกัน ก็โกรธ ให้ดี ก็ดี โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของพี่น้อง หวังเสี่ยวหลง หวังเสี่ยวหู่ ที่ถือเป็นใจความสำคัญของเรื่องก็ยังไม่สามารถเรียกร ้องอารมณ์ร่วมได้เลย

    Dragon Tiger Gate ไม่ปิดปังอำพราง ความเป็นหนังที่ขายเสน่ห์ของดารานำชายทั้งสามคน Donnie Yen มาในบทเด่นที่สุดในเรื่อง ที่ถึงแม้ใบหน้า และอายุจริงของเขาจะห่างไกลกับ ชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าไปหลายขุม แต่ Donnie Yen ก็ "ขึ้น" สุดๆ ในเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทที่ต้องโชว์ฝีมือด้านกังฟูแบบนี้ คงไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าเขาไปได้ เซียะถิงฟง ดาราหนุ่มดาวรุ่งมาในบทที่ดูไปแล้วก็ไม่ค่อยหนีจากบุ คลิคเดิมๆ ในหนังเรื่องเก่าๆ ที่เขาเคยแสดงไปเท่าไหร่ กับบทไอ้หนุ่มเลือดร้อน และขี้เล่นในบางโอกาศ (โดยเฉพาะกับสาว) ส่วน หยูเหวินเล่อ ที่เด่นพอๆ กับสองคนข้างต้นในใบปิด แต่ในตัวหนังเรื่องว่า ตัวประกอบดีๆ นี่เอง อย่างไรก็ตามหลายๆ ฉากที่เขาออกจอมา หยูเหวินเล่อ ก็สามารถช่วงชิงความโดดเด่นไปได้อย่างน่าชื่นชม โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่ต้องปะทะฝีมือกับ ตัวละครที่แสดงโดยหยวนหัว

    นอกจากตัวนำทั้งสามคน หนังยังมีดาราที่น่าสนใจอีกหลายคนในเรื่อง ดาราสาวจากจีนแผ่นดินใหญ่สองคน มาแสดงเป็นสองหญิงสาวที่มีความสัมพันธ์กับตัวเองในเร ื่อง หลีเสี่ยวหรัน ดาราสาวที่มีบทบาทในหนังทีวีหลายเรื่อง (ที่เข้ามาฉายในบ้านก็มี กระบี่ไร้เทียมทาน ของอู๋จิง) มารับบท หลอซา สมุนของจอมมาร ชิโบมิ ที่มีใจให้กับ หวังเสี่ยวหลง ส่วน ตงเจีย (Happy Time, 2046) แสดงเป็นลูกสาวคนสวยของ หม่ากวน ที่ชื่อว่า หม่าเสี่ยวหลิง ที่เป็นคนเชื่อมสัมพันธ์ของพี่น้อง ดาราสาวทั้งสองคนมีบทบาทที่สำคัญต่อตัวเรื่องในระดับ หนึ่ง แต่จำเป็นยิ่งกว่าก็คือ การเป็นดอกไม้ให้หมู่หนังที่มีแต่ตัวละครชายหนุ่ม (และแก่) ล้วนๆ และด้วยความงามแบบสาวจีนแท้ (โดยไม่ได้พึ่งพาฝีมือทางการแสดงอะไร) ก็คงจะทำให้ทั้งสองสาวก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบแล้ว

    Dragon Tiger Gate ยังมีสองดารากังฟูอาวุโสมาร่วมแสดง ประหนึ่งมาเพื่อเป็นศิริมงคลแก่หนัง เฉินกวนไท้ ดารากังฟูของชอว์บราเดอร์ มาแสดงเป็น หม่ากวน เจ้าพ่อแก็งมาเฟีย ส่วนหยวนหัว อดีตเพื่อนนักเรียนงิ้วของเฉินหลง ที่กลับมาดังอีกครั้งจากหนัง Kung Fu Hustle (2004, Chow Sing-Chi) โดยเขาแสดงเป็น หวังเจี้ยนหลง ปรมจารย์ผู้ดำรงตำแห่งเจ้าสำนักพยัคฆ์มังกร คนปัจจุบัน ทั้งสองคนก็เรียกได้ว่ามีบทบาทที่น่าพอใจเลย โดยเฉพาะหยวนหัว ที่มีฉากที่น่าประทับใจมากๆ อยู่หนึ่งฉาก ที่ยอดเยี่ยทั้งบทบาทการแสดง และฝีมือทางคิวบู๊ ที่เรียกว่ายังไว้ลายอดีตยอดดารากังฟู ได้อย่างไม่อายเด็กหนุ่มเอาะๆ ในเรื่องเลย

    หนังมีทั้งจุดดี และจุดด้อย ปัญหาที่ทำให้ Dragon Tiger Gate ไปไม่ถึงดวงดาว น่าจะมาจากบทที่ไม่ลงตัวอย่างที่ควรเป็น ปัญหานี้น่าจะมาจากขั้นตอนการดัดแปลง ที่ทำได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก จากหนังสือการ์ตูนที่เขียนกันมากกว่า 35 ปีหลายร้อยเล่ม สู่บทภาพยนตร์ ความยาวเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง หน้าที่ของคนเขียนบทก็คือ ตัด ตัด แล้วก็ตัด และเลือกเพียงเรื่องที่จะเล่าให้กระชับที่สุด แน่นอนว่า ผู้เขียนบท Dragon Tiger Gate ทำไม่สำเร็จ เทียบเคียงกับหนังที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนด้วยกัน ก็เช่นเดียวกับผู้เขียนบท A Man Call Hero ที่พบปัญหาอย่างเดียวกัน แตกต่างกับ ฟงหวิ๋น ที่เลือกจะเล่าเรื่องสั้นๆ กระชับ "สองคู่แค้น แย่งผู้หญิง ร่วมกันปราบศัตรู" แต่ Dragon Tiger Gate กลับเต็มไปด้วยเรื่องราว การจากและพบของสองพี่น้อง ทั้งการค้นพบความดีในใจที่หายไปของตัวเอง เด็กหนุ่มลูกครึ่งหน้าจีนหัวทองที่ค้นพบว่าวิทยายุทธ คืออะไร ความลำบากของเจ้าพ่อล้างมือจากวงการมาเฟีย จอมมารที่ต้องการครองยุทธจักร ฯลฯ แน่นอนว่าการผสมเนื้อเรื่องหลากหลายเข้าด้วยกันนั้น ไม่ได้แตกชนิดไม่มีชิ้นดี แต่ในทางเดียวกันมันก็ไม่ได้ผสานเป็นเนื้อเดียวกัน จนหารอยคตะเข็บไม่เจอด้วย ปัญหาข้อนี้เป็นผลให้การดำเนินเรื่องของหนังดูไม่ราบ รื่น และสดุดเป็นช่วงๆ สร้างความรำคาญอยู่ไม่น้อยเลย

    ยากที่จะพูดว่า Dragon Tiger Gate เป็นงานที่สมบูรณ์แบบ ถึงแม้หนังเรื่องนี้อาจถือว่าเป็นความหวังใหม่แห่งวง การหนังฮ่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประเมินจากทีมงานสร้าง ที่เรียกได้ว่าเป็น "ความคาดหวัง" ของวงการภาพยนตร์ในเกาะเล็กๆ แห่งนี้อย่าง Wilson Yip และ Donnie Yen แต่หนังก้มีข้อด้อยพอๆ กับข้อดี อย่างไรก็ตามหนังก็ยังมี สิ่งที่น่าชมเชย สำหรับ Dragon Tiger Gate ก็คือ หนังพยายามขยายขอบเขตแห่งหนังกังฟู และกำลังภายใน ให้มีความแหวกแนวยิ่งกว่าที่เคยทำกัน โดยการนำทั้งสองแนวมาผสานเข้าด้วยกัน น่าเสียดายที่ข้อบกพร่องในเรื่องบทนั้นมีมากเกินไป อย่างไรก็ตามหนังประสบความสำเร็จในการสร้างความจัดจ้ านของสไตล์ ขับเน้นอารมณ์เหนือจริงแบบการ์ตูน ก็ช่วยพยุงหนังให้สอบผ่านไปได้แบบเฉียดฉิว

    บริษัทผู้สร้าง - Mandarin Films
    กำกับ - Wilson Yip Wai Shun
    อำนวยการสร้าง - Nansun Shi, Raymond Wong Bak-Ming, Donnie Yen Ji-Dan, Yu Dong
    จากนิยายภาพของ - Yuk Long Wong
    ออกแบบงานศิลป์ - William Chang
    กำกับคิวบู๊ - Donnie Yen Ji-dan
    แสดงนำ - Donnie Yen Ji-Dan, Nicholas Tse Ting-Fung, Shawn Yu Man-Lok, Dong Jie, Li Xiao-Ran, Yuen Wah, Chen Kuan-Tai, Sherin Teng Shui-Man, Tommy Yuen Man-On, Sam Chan Yu-Sum, Tony Wong Luk-Wong

    ==================================================

    General
    Complete name : L:completeDragon.Tiger.Gate.2006.720p.BDRip.XviD.T H.AC3-EstbDragon.Tiger.Gate.2006.720p.BDRip.XviD.TH.AC3-Estb.avi
    Format : AVI
    Format/Info : Audio Video Interleave
    Format profile : OpenDML
    File size : 2.22 GiB
    Duration : 1h 34mn
    Overall bit rate : 3 368 Kbps
    Writing application : XviD4PSP 6.0 / 53.6.0

    Video
    ID : 0
    Format : MPEG-4 Visual
    Format profile : Advanced Simple@L5
    Format settings, BVOP : 1
    Format settings, QPel : No
    Format settings, GMC : No warppoints
    Format settings, Matrix : Default (H.263)
    Codec ID : XVID
    Codec ID/Hint : XviD
    Duration : 1h 34mn
    Bit rate : 2 910 Kbps
    Width : 1 280 pixels
    Height : 544 pixels
    Display aspect ratio : 2.35:1
    Frame rate : 23.976 fps
    Color space : YUV
    Chroma subsampling : 4:2:0
    Bit depth : 8 bits
    Scan type : Progressive
    Compression mode : Lossy
    Bits/(Pixel*Frame) : 0.174
    Stream size : 1.92 GiB (86%)
    Title : X264 @5102Kbps
    Writing library : XviD 64

    Audio
    ID : 1
    Format : AC-3
    Format/Info : Audio Coding 3
    Mode extension : CM (complete main)
    Codec ID : 2000
    Duration : 1h 34mn
    Bit rate mode : Constant
    Bit rate : 448 Kbps
    Channel(s) : 6 channels
    Channel positions : Front: L C R, Side: L R, LFE
    Sampling rate : 48.0 KHz
    Bit depth : 16 bits
    Compression mode : Lossy
    Stream size : 302 MiB (13%)
    Alignment : Aligned on interleaves
    Interleave, duration : 32 ms (0.77 video frame)
    Title : Thai AC3

    ================================================== =


    Credit eastboy




    http://www.filecondo.com/dl.php?f=T440ee1vO6BF

  2. #2
    Senior Member
    สมัครเมื่อ
    Feb 2020
    โพสต์
    188
    Thanks
    0
    Thanked 0 Times in 0 Posts
    ขอบคุณครับ

+ ตอบกลับกระทู้

ข้อมูลกระทู้

Users Browsing this Thread

ในขณะนี้มี 1 ท่านดูกระทู้อยู่. (0 สมาชิกและ 1 ผู้เยี่ยมชม)

     

กฎการโพสต์ข้อความ

  • ท่าน ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
  • ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขข้อความโพสต์ได้
  • BB code สถานะ เปิด
  • Smilies สถานะ เปิด
  • [IMG] สถานะ เปิด
  • HTML สถานะ ปิด