ข้อมูลหนัง:



http://www.youtube.com/watch?v=pPi8EQzJsiambit.orgg







ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามเวียดนามของฮอลลีวู้ด ได้รับการถ่ายทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันในช่วงที่สงคร ามจบลงมาได้ 10 กว่าปี นักสร้างหนังหลายคนได้ถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามเวีย ดนามในรูปแบบที่แตกต่าง ไปจากเรื่องกรีนต์ แบเร่ ได้นำเสนอเอาไว้ในช่วงที่อเมริกาได้เข้าร่วมสงครามให ม่ๆ และไม่ได้โม้ใส่ไข่แบบแรมโบ้ที่ซิลเวสเตอร์ สตอลโลนได้สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้


พลทหารคริสเมื่อเข้าสู่เวียดนามครั้งแรก

ตัวหนังเปิดตัวด้วยทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเข้ าประจำการในเวียดนาม พวกเขาต่างเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มใช้ชีวิต การเดินเรื่องเป็นไปตามคำบอกเล่าของคริส เทเลอร์ (ชาร์ลี ชีน) พลทหารใหม่เป็นหลัก บุคลิกของคริสนั้นเปรียบได้กับเด็กไร้เดียงสาที่เพิ่ งรู้ความ จำเป็นต้องได้รับการประคับประคองจากพวกผู้ใหญ่นั่นคื อ ทหารเก่าผู้เจนศึก หรืออาจเปรียบได้กับพนักงานทดลองงานที่ต้องการคำชี้แ นะจากผู้จัดการอีกมาก ในขณะที่กองกำลังในหน่วยที่พลทหารคริสเข้าประจำการนั ้น มีแต่กลุ่มคนระดับล่างในสังคมอเมริกันทั้งนั้น และส่วนใหญ่มาจากเมืองที่แม้แต่คนอเมริกันเองยังไม่ร ู้จัก หรือรัฐที่แทบจะถูกลืม (คงแบบเดียวกับบ้านหนองโน่นหนองนี่ของเมืองไทยเรานั่ นแหละครับ)



จากนั้น เรื่องจึงดำเนินไปในรูปแบบของมอร์ทอลคอมแบทล้วนๆ คือ ทุกๆ ฉากล้วนแต่เกี่ยวข้องกับสมรภูมิเกือบทั้งสิ้น ป่าดงดิบ ค่ายทหาร การขุดสนามเพลาะ ทำบังเกอร์ การลาดตระเวน สืบค้นต่างๆ พลทหารคริสต้องเรียนรู้กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ด้วยประสบการณ์จริงที่บางอย่างก็เป็นไปอย่าง ทุลักทุเล แล้วเรื่องจึงได้เปิดตัวคนเดินเรื่องอีก 2 คนคือ จ่าบาร์น (ทอม เบเรนเจอร์) และจ่าอีไลแอส (วิลเลม เดโฟ) ซึ่งฝ่ายหลังมีบุคลิกที่เป็นมิตรและมีความโอบอ้อมอาร ี พลทหารคริสจึงมีความเคารพนับถือและตัดสินใจเลือกข้าง ที่จะอยู่ฝ่ายจ่าเอไลแอ ส



จากซ้ายไปขวา จ่าเอไลแอส ราห์ และคิง เพื่อนสนิทของคริส

แล้วเรื่องจึงเข้าสู่บทเรียนแรกของสนามรบ นั่นคือ การปะทะอย่างย่อยๆ กับพวกเวียตกงอย่างไม่ตั้งใจในยามค่ำคืนที่ทุกคนกำลั งนอนหลับท่ามกลางสายฝน และจากความผิดพลาดกับเหตุสุดวิสัยบางอย่างจึงทำให้หน ่วยต้องเสียทหารใหม่ไป 1 คน พลทหารคริสจึงได้เรียนรู้รสชาติของการต่อสู้และการบา ดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ เป็นครั้งแรก

จากนั้น หนังได้เริ่มเข้าสู่พล็อตหลักในความเป็นคนของพวกทหาร นั่นคือการแบ่งกลุ่ม แบ่งก๊วน ระหว่างจ่าบาร์น กับจ่าอีไลส์ แล้ววิธีการหาความสำราญในยามอยู่นอกแนวรบของ 2 กลุ่มก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง คือกลุ่มของบาร์นดื่มแต่เหล้า เบียร์ และการพนัน จ่าบาร์นนั้นยังไม่ค่อยเคารพผู้บังคับบัญชาเท่าใดนัก ส่วนพวกเอไลแอสนั้นพี้กัญชา และทำกิจกรรมสำเริงสำราญกันเป็นว่าเล่น

แล้วเรื่องจึงค่อยๆ เดินไปอย่างเขม็งเกลียวมากขึ้น จากการเข้าไปตรวจค้นที่ซุ่มซ่อนแห่งหนึ่งของเวียดกง แล้วถูกกับระเบิดที่ซุกซ่อนไว้จนต้องเสียทหารไปคนหนึ ่งซึ่งเป็นลูกน้องของ บาร์น การที่แมนี่ทหารอเมริกันผิวหมึกถูกลักพาตัวไปทรมานแล ะฆ่าไกลออกไป หน่วยทหารอเมริกันกลุ่มนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่เครียด เจ็บแค้น และหวาดระแวงอย่างที่สุด พวกเขาจำเป็นต้องหาทางระบายเอากับใครหรืออะไรก็ได้ที ่พบเจอ และนับเป็นความโชคไม่ดีอย่างยิ่งที่พวกเขาได้มาเจอกั บหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยพวกชาวบ้านไม่รู้ว่าพวกทหารอเมริกันจะมา จึงไม่ได้หนีไปไหน



แมนี่ถูกลักพาตัวและถูกฆ่า

ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ทหารอเมริกันได้ระบายโทสะแบบสุดๆ กับชาวบ้านซึ่งในเรื่องก็คงมีบ้างที่เป็นเวียดกง แต่คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมารับกรรม การตรวจค้นและสืบหาพวกเวียดกงในหมู่บ้านนี้มีแต่ความ กักขฬะ หยาบคาย ก้าวร้าวที่ทำให้ชาวบ้านทั้งกลัว เกลียด และเคียดแค้น นอกจากนี้ การฆาตกรรมรายแรกที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือของบันนี่ (เควิน เบคอน Kevin Dillon) ซึ่งทำด้วยความอำมหิตต่อชายพิการชาวเวียดนาม

จากนั้น จึงเป็นความเครียดถมึงทึงจนถึงที่สุด ตอนที่จ่าบาร์นสั่งลูกน้องต้อนชาวบ้านมารวมกันและสอบ สวนชายผู้ที่น่าจะเป็น หัวหน้าหมู่บ้านอย่างโกรธเกรี้ยวผสมกับความรู้ภาษาเว ียดนามอันจำกัดของล่าม การเจรจาจึงไม่เป็นที่รู้เรื่อง เมียของชายคนนั้น ตะโกนด่าทอจ่าบาร์นอย่างเต็มที่ ด้วยความเหลืออด จ่าบาร์นจึงส่องเข้าให้หนึ่งนัดที่หน้าผาก แล้วในที่สุดด้วยความเคร่งเครียดจนถึงจุดเดือด จ่าบาร์นถึงกับเอาปืนพกจ่อหัวหนูน้อยซึ่งเป็นลูกของช ายคนนั้นแล้วตะโกนขู่ เข็ญอย่างประสาทเสีย (ฉากนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากเมื่อภาพยนตร์อ อกฉายในครั้งแรก) แล้วในขณะนั้น จ่าเอไลแอสจึงปรากฎตัวและตะลุมบอนกับจ่าบาร์นแบบมวยว ัดจนลูกน้องต้องมาห้าม นั่นนับเป็นจุดแตกหักของสองเสือในถ้ำเดียวกัน แล้วจึงมาถึงภารกิจสุดท้ายที่ทหารอเมริกันมักจะทำในก ารตรวจค้นหมู่บ้าน นั่นคือ กวาดต้อนชาวบ้านออกไป เผาหมู่บ้านให้เรียบ



ฉากการรบที่ดุเดือดถึงขีดสุด

ฉากสุดท้ายของการรบเกิดขึ้นในที่มั่นภายในหุบเขา กองร้อยถูกโอบล้อมและจู่โจมจากหน่วยทหารเวียดนามเหนื อผู้บ้าบิ่น บันนี่และจูเนียร์ตายในการรบ การรบเป็นไปอย่างคับขันทหารอเมริกันถูกฆ่าตายไปมากมา ย และฐานก็ตกอยู่ในสภาพที่กำลังจะถูกละลาย จนผู้กองต้องวิทยุบอกให้เครื่องบินทิ้งระเบิดใส่เพื่ อล้างบางในขณะที่จ่า บาร์นกำลังต่อสู้อย่างติดพัน แล้วพลทหารคริสวิ่งเข้ามาพอดีโดยที่คนดูไม่อาจเดาได้ ว่า เขาตั้งใจจะมาช่วยบอกบาร์นให้หลบภัยจากการทิงบอมบ์หร ือล้างแค้นกันแน่ แล้วระเบิดก็ถูกทิ้งลงมาในฉับพลันทันที ทุกอย่างจึงพังพินาศไปจนหมดสิ้น


ดาราที่แสดงในหนังเรื่องนี้ได้แจ้งเกิดไปหลายคน ทั้ง ชาร์ลี ชีน, ทอม เบเรนเจอร์, วิลเลม เดโฟ, เควิน เบคอน (ผมดูแล้ว เควินในวัยผู้ใหญ่คล้ายกับวิลเลม เดโฟมากเลยครับในเวลานี้) และยังเป็นการเริ่มต้นของ จอห์นนี่ เด็ปในบทตัวประกอบของเรื่อง (พลทหารเลินเนอร์ ล่ามประจำกองร้อย)

ผมดูภาพยนตร์เรื่องนี้จาก ดีวีดี ในภาคภาษาอังกฤษก่อน โดยเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษเพื่อประกอบความเข้าใจ แล้วจึงดูพากย์ไทยตามมา พบว่าคนพากย์แกละเลงบทพูดซะเละเทะ ไม่ถึงกับแหกเรื่อง แต่ก็สื่อความหมายได้ผิดพลาดไปพอสมควร อย่างผู้หมวดกลายเป็นผู้กอง ผู้กองกลายเป็นผู้พันไปเฉย โดยเฉพาะ ตอนที่จูเนียร์แกล้งทำเป็นเจ็บเท้าเพื่อขอลาพักออกไป จากหน่วย ที่แท้จริงแล้ว จ่าบาร์นบอกให้ลูกน้องไปหยิบตะขาบมาเพื่อจะเอามาใส่ก างเกงของจูเนียร์ แต่คนพากษ์แกดันพากษ์เป็นว่าให้ไปเอาไม้มาจิ้มเท้าจู เนียร์หน้าตาเฉย สงสัยจริงๆ ว่าแกหยิบบทพากย์มาผิดเรื่องหรือจงใจพากย์แบบมั่วๆ กันแน่

คำพูดจากภาพยนตร์

•เอไลแอสเป็นพวกเพ้อฝัน เหมือนกับพวกนักการเมืองในวอชิงตันที่กำลังพยายามสู้ ในสงครามโดยเอามือข้างหนึ่งจับไข่ตัวเอง
(Elias is a water walker like them politician in Washington trying to fight this with one hand tied around their balls)
จ่าบาร์นพูดกับผู้กองเพื่อแก้ต่างความผิดให้ตัวเอง
•ดวงดาวไม่มีถูกผิด มันแค่อยู่ตรงนั้น
( The star there is no right or wrong in them They re just there)
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแค่การเริ่มต้น เรากำลังจะแพ้สงคราม
(What happened today is just beginning We re gonna lose this war)
เราเล่นงาน (เตะก้น) คนอื่นมาหลายครั้ง ฉันคิดว่า ถึงเวลาที่ต้องโดนเอาคืนบ้าง
(We hve been kicking others people s asses for so long .. I figure it s time we got ours kicked.)
จ่าเอไลแอสกล่าวกับพลทหารคริสในค่ำคืนหนึ่ง
•เราไม่ได้สู้กับศัตรู เราสู้กับตัวเราเอง และศัตรูอยู่ในตัวเรา
(We did not fight the enemy, we fought ourselves and enemy was in us.)
เพราะผมแน่ใจว่า เอไลแอสจะต่อสู้กับบาร์นในสิ่งที่ราห์เรียกว่า การครอบครองวิญญาณ
(As I m sure Elias will be fighting with Barnes for what Rhah called possession of my soul)
หลายๆ ครั้งที่ผมรู้สึกว่าเหมือนเป็นเด็กที่กำเนิดจากพ่อสอ งคนนั้น (บาร์นและเอไลแอส)
(There are times since I have felt like the child born of those two fathers.)
พวกเราผู้ได้รับโอกาส (รอดชีวิต) ต่างมีหน้าที่ที่ต้องสร้างอีกครั้ง เพื่อที่จะสอนคนอื่นๆ ในสิ่งที่เรารับรู้และพยายามใช้ชีวิตที่เหลือของเราเ พื่อจะค้นหาความดีและ ความหมายของชีวิต
(Those of us who did make it have an obligation to build again to teach to others what we know and to try with what s left our life to find the goodness and meaning to this life.)
พลทหารคริสรำพึงกับตัวเองในตอนท้ายเรื่อง
เนื่องจากบทความนี้เป็นลิขสิทธิ์อัน ชอบธรรมของผู้เขียน และอาจะมีการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลบ้างตามความเหมาะสม ในการนำบทความไปเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่นๆ จึงขอความร่วมมือให้ใช้วิธีการคัดลอกเฉพาะ Link หรือ URL Address แทนการคัดลอกบทความทั้งหมด หากมีการคัดลอกไปในลักษณะแอบอ้างเป็นผู้เขียน หรือมีเจตนาอื่นใดที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อทางเว็บ iseehistory.com แล้ว จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดตามกฎหมาย

ชื่อเรื่อง : พลาทูน (Platoon)

ดารานำแสดง :

•ชาร์ลี ชีน
•ทอม เบเรนเจอร์
•วิลเลม เดโฟ
•เควิน เบคอน
•ฟอร์เรสต์ วิทเทเกอร์
•จอห์นนี่ เด็ป
ผู้กำกับ : โอลิเวอร์ สโตน

ปีที่ออกฉาย : ค.ศ. 1986 (ฉายในไทยปีพ.ศ. 2530)

รางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม

บทความอ่านเพิ่มเติม

•http://www.mwit.ac.th/~vachii/words/s40106_49/vietwar.doc
•http://www.bloggang.com/mainblog.php...oup=1&gblog=38

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

•หนังสงคราม ที่ไม่ใช่สงคราม (โอมาฮ่าบีช)





http://www.filecondo.com/dl.php?f=6211511twllW