ช่วง 10 ปีหลังมานี้
วงการหนังฮ่องกงตกต่ำมานาน นั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบกันอยู่แล้ว สำหรับหนังแอ็กชั่น โดยเฉพาะแบบที่เน้นการต่อสู้ตัวต่อตัว ในแบบที่เรียกกันว่า หนังศิลปะป้องกันตัว หรือ กังฟู ที่ฮ่องกงเคยได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่ง มาอย่างยาวนาน ฮ่องกงถูกท้าทายจากผู้มาใหม่ อย่างเกาหลี กับหนังอย่าง City of Violence ประเทศไทย ที่มีหัวหอกอย่าง พนม ยีรัม และผู้กำกับคิวบู๊ที่ร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ พันนา ฤทธิไกร หรือ แม้แต่อเมริกาเอง ที่สร้างหนังศิลปะป้องกันดีด้วยการดึงมือดีมาจากทั่ว โลก

หนังฮ่องกงเริ่มมาฟื้นตัวเมื่อ 7-8 ปีมานี้
ด้วยการกลับมาของหนัง action คิวบู๊สวย สุดมันส์
เริ่มต้นจาก S.P.L ,Invisible target ,Dragon tiger gate , Flash Point ปลุกกระแสอดีตแชมป์เก่ากลับมาร้อนแรงอีกครั้ง

คู่หู ดารา/ผู้กำกับคิวบู๊ Donnie Yen และ ผู้กำกับ Wilson Yip กลับมาอีกครั้ง หลักจะดูเสียรังวัดไปนิดหน่อยกับหนังกังฟูการ์ตูน เรื่อง Dragon Tiger Gate ที่เนื้อหาออกแนวหลุดโลกเกิดไปนิด (แต่โดยส่วนตัวผมชอบนะครับ) ในปี 2007 ทั้งคู่กลับมากับ "ของตาย" ที่ทำให้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันที่เคยได้ผลมาแล ้วในปี 2004 ในหนังเรื่อง SPL (Sha Po Lang) นั้นก็คือ การเอาหนังอาญากรรม มาผสมของหนังกังฟู ภาพรวม Flash Point ไม่ได้เหนือชั้นกว่า SPL โดยเฉพาะความสดใหม่ ที่คงจะไม่ได้สร้างความฮือฮา ให้กับวงการได้เท่าเดิม เพราะหนังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ไกลเคียงกันไปหน่อย แต่ Flash Point ก็ยังมีสิ่งใหม่ๆ อยู่บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของคิวบู๊ Donnie Yen พอจะหาช่องว่าที่จะผ่าทางตัดให้กับความซ้ำซากในคิวบู ีให้กับหนังประเภทนี้ ได้บาง แม้ไม่มากจนที่จะเรียกได้ว่าเป็นการปฏิวัติ แต่ก็ใหม่พอจะที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กันคนดูได้

Flash Point เล่าเรื่องของสองตำรวจคู่หู ผู้กองหม่าจุ่น (Donnie Yen) และวิลสัน (กู่เทียนเล่อ) ฝ่ายแรกต้องการจะจับกุมแก๊งอาญากรรม "3 พี่น้อง" คนเวียนนามอพยพ ที่ก่อคดีไว้มากกมาย จนส่งฝ่ายหลังแฝงตัวเข้าไปอยู่ในแก๊งด้วย เพราะหาหลักฐาน การกระทำความผิดที่จะมัดตัวทั้ง 3 ไม่ให้ติดหลุด ปัญหาอยู่ที่ แก๊งโจรดังกล่าวนั้นสุดแสนจะอันตราย เป็นศูนย์รวมของทั้ง ความบ้าครั่ง เหี้ยมโหด แล้วยังฉลาดเป็นกรด ต่อตีเป็นเลิศ แก๊งโจรที่มีผู้นำเป็นพี่น้อง 3 คน ที่ประกอบไปด้วย จาเก่อ (หลี่เหลียงเหว่ย) ไทเกอร์ (Xing Yu) และ โทนี่ (Colin Chou) วิลสัน ต้องแฝงตัวเข้าไปอยู่กับทั้ง 3 ก็เหมือนกับผูกระเบิดเวลาไว้กับตัว

จนกระทั่งถึงเวลาที่สถานการณ์ทุกอย่างสุกงอม หลักฐานถูกเก็บรวมรวบพร้อม วิลสัน กลับถูกเปิดโปงก่อนการจับกุมจะเรียบร้อย เขาโดนทำร้าย บาดเจ็บสาหัส จนต้องกลายเป็นคนพิการ ส่วนพวกอาญากร ไทเกอร์ กับโทนี่ หนีรอดการจับกุมไปได้อย่างเฉียดฉิว ส่วนพี่ใหญ่ จาเก่อ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไว้รอคอยการพิจารณาคดี หลักฐาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพยาน นั้นพร้อมที่จะพา จาเก่อ เข้าไปอยู่ในคุก

เวลาผ่านไป 3 เดือน วิลสัน ออกมาพักพื้น รอการกลับไปรับราชการ เรื่องที่เขาขาเสียจากการปฏิบัตหน้าที่ก็ดูเหมือนจะร บกวนจิตใจของ เขา และผู้กองหม่า มาโดยตลอด ทำให้ไม่สามารถเขาหน้ากันติดได้เหมือนเดิม ก็ได้แต่รอเวลาให้ความบาดหมางลดน้อยลง ในขณะที่ทุกอย่างจะเหมือนจะเข้าที่ ความวิบัติ และความวุ่นวายก็เวียนมาอีกหน เมื่อสองโจร ไทเกอร์ และโทนี่ กลับมาสู่ฮ่องกงอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือพี่ชาย พยานในคดี ของจาเก่อ คนแล้วคนเล่าถูกสังหาร จนกระทั่ง เหลือเพียง วิลสัน เท่านั้นที่จะสามารถขึ้นให้การ ชี้ตัว จาเก่อ ในการพิจารณาคดีได้ เพราะฉะนั้นหมายความว่าชีวิตของเขาอยู่ในอันตราย นั้นยังไม่ร้ายเท่ากันชีวิตของ จูลี่ (ฟานปิงปิง) แฟนสาวของวิลสัน ผู้กองหม่าเป็นคนเดียวที่จะหยุดยั่งเรื่องร้ายต่างๆ และปกป้องชีวิตของคนทั้งคู่ ในไม่ใช่ในฐานะของมือกฏหมาย แต่เป็นความรับผิดชอบที่ดึงให้วิลสันต้องพบเรื่องต่า งๆ ที่เกิดขึ้น

Flash Point นั้นมีพล็อต ที่เรียกว่าไม่ขี้เหร่ห์ หนังเปิดฉากด้วยเรื่องราวของ ตำรวจแฝงตัวเข้าไปในแก๊งโจร ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมานี้ เนื้อเรื่องแนวนี้ถูกนำเสนอมาพอสมควรในหนังฮ่องกง ไม่ซิไม่ใช่แค่พอสมควร แต่เป็นล้นปรี่จนเรียกว่าซ้ำซากไปแล้ว (แน่นอนว่าสาเหตุมาจาก Infernal Affairs Effect) อย่างไรก็ตามช่วงเวลาของการเป็น Infernal Affairs Clonning นั้นมีอยู่สั้นๆ ในครึ่งชั่วโมงแรกของหนังเท่านั้น ภาพรวมของหนังพูดถึงความกดดัน และทางเลือก ของอาชีพตำรวจ ที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตส่วนตัว การยืนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างการเป็น "ผู้จำกุม" และ "ผู้พิพากษา" ที่หลายๆ สถานการณ์ ตำรวจได้พบได้เห็นความเลวร้ายสุดขั่ว แต่่ทำได้เพียงวางเฉยเพียงเพราะ "หลักฐาน" ไม่เพียงพอ ตัวละครของ Donnie Yen นั้นเป็นคนประเภท ทำงานด้วยอารมณ์ เข้าต้องเจ็บปวดกับเรื่องดังกล่าวอยู่เสมอ บ่อยครั้ง ผู้กองหม่า จึงเลือกที่จะ พิพากษา คนร้ายด้วยตัวเอง ในหนังมีฉากนึงที่น่าสนใจ เมื่อผู้กอง ปรอทแตก เมื่อเห็นคนร้ายทำร้ายคนเด็กไม่เกี่ยวข้อง ตำรวจหนุ่มไม่ลังเลที่จะ ตัดสินโทษอาญากรผู้นั้นด้วยตัวเอง เขาซ้อม และระดมหมัดใส่เจ้าโจรนั้นจนตายคาหมัด ท่ามกลางบรรดา ฮ่องกงมุง มากมาย สุดท้าย ผู้กองหม่า กลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของคนรอบข้าง ไม่ได้ต่างกับอาญากรที่เขาไล่ตามจับเลย

บทหนังที่เขียนโดย Szeto Kam Yuen, Tang Lik Kei มีปัญหาอยู่บ้างเหมือนกัน การสร้างตัวละครในหนังนั้น โดยเฉพาะตัวละครของ Donnie Yen ที่ดูจะแยกความแตกต่างไม่ออกเลยจากตัวละครที่เขาเคยเ ล่นมาใน SPL เช่นเดียวกันตัวละครของกู่เทียนเล่อ ที่เหมือนจะถูกโขรกออกมาจาก โรงงาน Infernal Affairs นอกจากนั้นความสมจริงสมจังของเนื้อหา ก็ยังจะดูเป็นปัญหาให้กับความน่าเชื่อถือของเนื้อเรื ่อง รายละเอียดของความเป็นหนังอาญากรรม และเรื่องของขั้นตอนทางกฏหมาย และกระบวนการยุติธรรม ที่ดูออกมาเรียบๆ ลวกๆ ชอบกล แม้เนื้อเรื่องที่ดูไม่ค่อยจะแปลกใหม่ Flash Foint ยังคงเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม เป็นความหวังของหนังฮ่องกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่กำลังจะพูดถึงในย่อหน้าต่อไ ปนี่

พล่ามมาตั้งนานเข้าสู่ หัวใจของเรื่องกันซักที นั้นก็คือ "คิวบู๊" ผมเองดู Flash Point ไป ก็รู้สึกกร่อยๆ นะครับ หนังดูเรื่อยๆ เปื่อยๆ ชอบกล จนกระทั่ง เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เท่านั้นแหละ ดูเหมือนว่า Wilson Yip จะใช้กลยุทธที่ใกล้เคียงกับที่เคยเวิร์คมาแล้วใน SPL ในการขับเน้นฉากบู๊ในเรื่องให้ถึงจุดเดือด แบบสูงสุดในตอนท้ายเรื่อง มากกว่าที่จะใส่มาพร่ำเพรื่อแบบหนังบู๊ฮ่องกงยุคเก่า ด้วยการค่อยๆ สร้างบรรยากาศที่หนักอึ้ง ตัวละครดี และเลว เล่นวิ่งไล่จับกัน แบบไม่เจอกันจังๆ ซักกะที ตัวละครฝ่ายดีเพรี้ยงพล้ำ และโดนกระทำมาเรื่อยๆ มีฉากบู๊สั้นๆ แทรกมาเป็นระยะ จนกระทั่งช่วงแขม่งเกลียวของหนัง Wilson Yip (และ Donnie Yen) ก็กระหน่ำ ด้วยฉากแอ็กชั่น 20 นาทีติดต่อแบบ Non-Stop

Donnie Yen นั้นพยายามสร้างคิวบู๊ในหนังของเข้าให้หนักหน่วงรุนแ รงมาโดยตลอดอยู่แล้ว ใน Flash Point เข้าเสริมความสมจริงเข้าไปอีก ตัวละครในหนังสู้กันแบบไม่ปล่อยช่วงว่างให้เห็นมากนั กอย่างในหนังแนวนี้ เรื่องอื่นๆ จู่โจมใส่กันอย่างรวมเร็ว โดยไม่ได้คำนึงถึงท่าทางที่สง่างาม เน้นการทำลายล้างกันแบบไม่มียั่ง ทั้งหมัด เท้า เข่า และศอก ไอเดียหลักของคิวบู๊ก็คือการ ผสมรูปแบบการต่อสู้แบบ MMA (Mixed Martial Arts) เข้ามา MMA เป็นศิลปะป้องกันตัวที่ผสมผสานวิชาหลายแขนง ทั้ง มวย มวยไทย ยูโด มวยปล้ำ ซัมโบ ฯลฯ หลักการก็คือเป็นการต่อสู้ที่ผสมทั้งท่ายืน และท่านอนเข้าด้วยกัน มีการใช้ท่า Ground-and-pound (นั่งคร่อมตัวคู่ต่อสู้ และประเคน หมัดลงไปบนหน้า) และท่าจับ หัก ล็อก แบบมวยปล้ำสมัครเล่น หนังยังมีจุดเด่นที่ ฉากสงครามปืน เป็นการดวลปืนที่แปลกใหม่จากหนังฮ่องกงโดยทั่วไป ไม่ได้สวยงามแบบ "Bullet Balet" (บุลเล็ต บัลเล่ร์ หรือ การสร้างฉากดวลปืนที่เน้น ความเหนือจริง การเคลื่อนไหว ที่ถูกเปรียบแปรยว่าเหมือนการเต้นบัลเล่ย์) ในสไตล์ของหนัง John Woo ไม่ได้สมจริงแบบฉากต่อตีของหนัง แต่เป็นส่วนผสมของทั้ง ความโกลาหล ฉับไว และหวือหวา

การออกแบบท่าทางการต่อสู้ และคิวบู๊ ได้รับการสนับสนุนจากการถ่ายที่มีสีสรรค์ เทคนิคต่างๆ มุมกล้องที่หลากหลาย การตัดต่อที่ช่วยการสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจ ใช้ดนตรีประกอบช่วยส่งอารมณ์ได้ดี นั่นช่วยให้ Flash Point ไม่เิฉิ่มเชย Wilson Yip ใช้เทคนิคการถ่ายทำที่ดี ช่วยส่งเสริมคิวบู๊ โดยไม่ได้พยายามจะ "โชว์เหนือ" หนังถ่ายทอดมุมมองใหม่ๆ ด้านเทคนิค ให้กับหนังแนวนี้ เช่น ฉากชกหน้า ที่ถ่ายทำให้เห็นภาพกำบั้น ค่อยๆ ลอยไปปะทะกับใบหน้าอย่างช้าๆ ดูรุนแรงน่าตื่นตาตื่นใจดีแท้

หนังศิลปะป้องกันตัวหลายๆ เรื่องตายเพราะเลือกคู่ต่อกรของตัวเอกห่วยมาแล้ว ในหนังไอ้มดแดงคุณคงไม่อยากดู มดแดงสู้กับลูกน้องกระจอก พวกกองทัพกี้ กันทั้งเรื่องแน่ มดแดงต้องเจอกับสัตว์ประหลาดเจ๋งๆ ถึงจะมัน ฉันใดฉันนั้น หนังกังฟู การต่อสู้จะมีความหมาย ศัตรูของพระเอกต้องเจ๋ง และเท่ห์ไม่แพ้พระเอกด้วย ในเรื่องคู่ต่อกรของตัวเอก ดูผ่านๆ แล้วคู่ต่อกรของ Donnie Yen ใน Flash Point อาจจะด้อยกว่าใน SPL เล็กน้อย (แน่นอนอยู่แล้วว่าการเอา โคตรปรมจารย์ อย่างหงจินเป่า กับไอ้หนุ่มกังฟูหน้าอ่อนที่มาในมาดมือสังหารโรคจิต ของอู๋จิ้งใน SPL นั้นยากที่จะเอาชนะได้ด้วยดาราคู่ใดจริงๆ)

อย่างไรก็ตามดาราที่ถูกเลือกมาให้รับบทร้ายใน Flash Point ก็ไม่เลวเลยที่เดียว Xing Yu ที่สร้างชื่อมาจากการรับบท คนขายหมูเจ้าของเพลงหมัดเส้าหลิน ใน Kung Fu Hustle, หลี่เหลียงเหว่ย ดารารุ่นลายคราม ที่บ้านเราคงจะติดปากเรียกเขาว่า "ติงลี่" ไปแล้ว รับบทเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่ม หลี่เหลียงเหว่ย ไม่ได้มีพื้นฐานทาง แต่ลูกบ้าทางการแสดง การวาดลวดลาย แบบสุดขั่วหลุดโลก ก็ทำให้หลีเหลียงเหว่ยไม่ได้ถูกกลบไปโดยนักบู๊ทั้งหล ายที่อยู่ในเรื่อง เรียกว่ามีที่ทางเป็นของตัวเอง ที่จะทำให้คนดูจดจำตัวละครของเข้าได้อย่างแน่นอน สุดท้ายไฮไลท์สำคัญนั้นอยู่ที่ตัวละคร โทนี่ ที่แสดงโดย Collin Chou ดารากังฟูระดับรองที่ไปโด่งดังในระดับโลก จากหนังอย่าง The Matrix 2 - 3 ฝีมือนั้นไม่ต้องห่วงกันอยู่แล้ว เขาเป็นหนึ่งใน ดาราบู๊ สตั้นแมน ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในวงการ ที่อย่างจะพูดถึงเป็นบทบาทของเขาในเรื่องมากกว่า บทบาทใน The Matrix ของเขานั้น สงบสิ่ง เยือกเย็น แต่บทประจำในฮ่องกง Collin Chou ตัวร้ายสุดขั่วสุดเลว แน่นอนแว่นตาดำ (ที่แทบทุกตัวละครในหนังไตรภาคสุดงงเรื่องนั้นใส่กัน ) ดูเหมือนจะปิดบังบุคลิกดังเดิมของเขาไป ใน Flash Foint Collin Chou กลับมาเป็นไอ้ตัวแสบอีกครั้ง แน่นอนว่าแฟนหนังฮ่องกงอย่างเรา รักให้เค้าเป็นไอ้แสบแบบนี้มากกว่า

หนังยังมีดาราสมทบ ประเภท "No Kung Fu" อีก 2 - 3 คน ขอพูดถึงกันซักหน่อย ดาราร่างอ้วน Ken Cheung มารับบทตำรวจอีกครั้ง เห็นอ้วนบึกอย่างงี้เขาเล่น เป็นตำรวจมาเป็นสิบเรื่องแล้ว ฟานปิงปิงดาราสาวจีนแผ่นดินใหญ่ แสดงเป็นแฟนสาวของวิลสัน สองดาราอาสุโสที่อยู่วงการมาแล้ว 40 กว่าปีอย่าง ป้าหลอหลัน และป้าเสียปิง แสดงเป็นแม่ของ Donnie Yen และ กลุ่ม 3 โจรตามลำดับ

ต้องชมเชย Wilson Yip เขาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำกับที่เล่าเรื่องได้อย่างยอด เยี่ยม หรือมีไอเดียที่แปลกใหม่สุดๆ แต่สิ่งที่ Wilson Yip มีและกลายเป็นสิ่งแห้งแล้งเหลือเกินสำหรับหนังฮ่องกง ในยุคหลังคืนเกาะก็คือ ความเข้าใจในหนังแนวแอ็กช่น Flash Point อาจจะไม่ได้มีคุณค่าต่อวงการณ์หนังศิลปะระดับโลก แต่สำหรับผู้นิยมหนังศิลปะป้องกันตัว Flash Point คืองานที่ทรงคุณค่า และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับวงการหนังฮ่องกง วงการหนังที่ขึ้นชื่อลือชาในด้านหนังบู๊ Flash Point, Wilson Yip และ Donnie Yen คือความหวัง

Credits
บริษัทผู้สร้าง - Beijing Polybona Film Publishing Co., Ltd., Mandarin Films
กำกับ - Wilson Yip Wai-Shun
อำนวยการส้าง - Nansun Shi, Donnie Yen Ji-Dan
กำกับภาพ - Cheung Man Po
กำกับศิลป์- Jeff Mak Gwok Keung
ดนตรีประกอบ - Comfort Chan Kwong Wing
ออกแบบเครื่องแต่งกาย - Lei Pik Kwan
ตัดต่อ - Cheung Ka Fai
กำกับฉากคาร์สตั้น - Bruce Law
กำกับคิวบู๊ - Donnie Yen Ji-Dan
แสดงนำ - Donnie Yen Ji-Dan, Louis Koo Tin-Lok, Fan Bing-Bing, Collin Chou (Ngai Sing), Ray Lui Leung-Wai, Kent Cheng Juk-Si, Xing Yu, Lam Kwok-Bun, Law Lan, Ha Ping, Timmy Hung Tin-Ming, Tony Ho Wah-Chiu, Austin Wai Tin-Chi, Ai Wai

==================================================

General
Complete name : L:completeFlash.Point.2007.720p.BDRip.XviD.TH.AC3-EstbFlash.Point.2007.720p.BDRip.XviD.TH.AC3-Estb.avi
Format : AVI
Format/Info : Audio Video Interleave
Format profile : OpenDML
File size : 2.05 GiB
Duration : 1h 27mn
Overall bit rate : 3 365 Kbps
Writing application : XviD4PSP 6.0 / 53.6.0

Video
ID : 0
Format : MPEG-4 Visual
Format profile : Advanced Simple@L5
Format settings, BVOP : 1
Format settings, QPel : No
Format settings, GMC : No warppoints
Format settings, Matrix : Default (H.263)
Codec ID : XVID
Codec ID/Hint : XviD
Duration : 1h 27mn
Bit rate : 2 906 Kbps
Width : 1 280 pixels
Height : 544 pixels
Display aspect ratio : 2.35:1
Frame rate : 23.976 fps
Color space : YUV
Chroma subsampling : 4:2:0
Bit depth : 8 bits
Scan type : Progressive
Compression mode : Lossy
Bits/(Pixel*Frame) : 0.174
Stream size : 1.77 GiB (86%)
Title : 5670 @ 1280x 544
Writing library : XviD 64

Audio
ID : 1
Format : AC-3
Format/Info : Audio Coding 3
Mode extension : CM (complete main)
Codec ID : 2000
Duration : 1h 27mn
Bit rate mode : Constant
Bit rate : 448 Kbps
Channel(s) : 6 channels
Channel positions : Front: L C R, Side: L R, LFE
Sampling rate : 48.0 KHz
Bit depth : 16 bits
Compression mode : Lossy
Stream size : 279 MiB (13%)
Alignment : Aligned on interleaves
Interleave, duration : 32 ms (0.77 video frame)
Title : Thai AC3

=================================================




Credit eastboy



http://www.filecondo.com/dl.php?f=38a7831vN1c0