Atonement (2007)
Director : Joe Wright (วัย 35 ปี)
Stars : Keira Knightley , James McAvoy , Saoirse Ronan
Genre : Drama / Mystery / Romance
Video : Widescreen
Audio : Thai 5.1 / English 5.1 / Japanese 5.1
Subtitles : Thai / English / Japanese / Chinese / Korean
Run Time : 123 Minute
http://www.imdb.com/title/tt0783233/
(ตัวอย่างภาพจาก DVD)
เรื่องราวในอังกฤษ ปี 1935 ท่ามกลางเงามืดของสงครามโลกครั้งที่ 2 "ไบรโอนี่ ทัลลิส" (Saoirse Ronan) และครอบครัวของเธอยังคงใช้ชีวิตอย่างหรูหราอยู่ในคฤห าสน์ที่แสนใหญ่โตของพวก เขา เมื่อสมาชิกของครอบครัวมาชุมนุมกันในช่วงสุดสัปดาห์ อากาศที่ร้อนอบอ้าวและอารมณ์ที่ถูกเก็บกดมานานเริ่มเ ผยโฉม ไบรโอนี่ นักเขียนน้องใหม่ คือเด็กหญิงที่มาพร้อมจินตนาการอันโชติช่วง เพราะความเข้าใจผิด เธอได้กล่าวหา "ร็อบบี้ เทอร์เนอร์" (James McAvoy) ลูกชายของแม่บ้าน ผู้เป็นคนรักของ "เซซิเลีย ทัลลิส" (Keira Knightley) พี่สาวของเธอ ว่ากระทำความผิดในเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้เป็นผู้ก่อ การกล่าวหาครั้งนี้ได้ทำลายความรักที่เพิ่งผลิบานระห ว่างร็อบบี้และเซซิเลีย และได้เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล
ฉันมีความรู้สึกผิดติดอยู่ในใจตลอดเวลา พวกคุณจะให้อภัยฉันไหม..
เธอจะมาพูดอะไรเอาตอนนี้.. ฉันขอตัดขาดจากเธอ..
ขอให้เธอตกนรกหมกไหม้ไปซะ!!
Atonement หนังสือนวนิยายขายดีของอังกฤษ ได้รับเสียงโหวตจากคนอ่านให้เป็น People s Booker Prize 2001
นอกจากนี้นิตยสาร Time ยังยกย่องให้เป็นนวนิยายยอดเยี่ยมในปีนั้น และเป็นหนึ่งในร้อยนวนิยายยอดเยี่ยมตลอดกาลอีกด้วย
Atonement ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากลูกโลกทองคำ และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม พร้อมเข้าชิงออสการ์อีกหลายสาขา
- หนังเรื่องนี้มีความดีและความงดงามเกินค่ามาตรฐานอย่ างแน่นอน ถ้าผมเป็นคณะกรรมการออสการ์ ผมไม่ลังเลใจที่จะส่งมอบตุ๊กตาคุณลุงสีทองให้กับสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , บท และ ผู้กำกับให้ทันที (โดย ผมอยู่ข้างหลังคุณ)
- สิ่งที่น่าสนใจอย่างมากของภาพยนตร์เรื่องนี้คือเทคนิ คในการเล่าเรื่องของผู้ กำกับ ที่ใช้หลักของ Reality (ความจริง) กับ Perception (สิ่งที่เราเข้าใจ) มาใช้ในการเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาด
ภาพที่เราเห็นช่วงหลังจะเป็นภาพความโหดร้ายของสงคราม ซึ่ง Joe Wright สามารถสื่อทุกอย่างออกมาได้ในฉากเดียว คือฉาก Long take อันสุดยอดที่ดันเคิร์ก ด้วยการถ่าย Long Take นี้ทำให้เราเห็นสภาพอันยับเยินของทหาร สภาพของประชาชนที่หนีตายกันมา ความพังพินาศ เห็นความพ่ายแพ้ต่อสงคราม เป็นฉากที่ดูแล้วรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่เคยดูต้องจดจำฉากนี้ได้
- แม้จะผ่านพ้นมาหลายวันแล้ว แต่ Atonement ยังคงตราตรึงในความรู้สึกอยู่ร่ำไป หยิบยกมาคิดถึงเมื่อไร ก็จะพบแง่งามให้สะท้อนใจเมื่อนั้น ต้องปรบมือให้กับทีมเขียนบทที่สามารถเก็บรสชาติที่ทั ้งละมุนและขื่นขมของ นิยายได้อย่างละเอียด
Atonement ใช้วิธีเล่าเรื่องแบบซ้ำซ้อน ซึ่งทั้ง 2 ครั้งแม้จะเป็นเหตุการณ์เดียว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือมุมมอง เพราะเหตุการณ์หนึ่งมองด้วยมุมของผู้ประสบ ในขณะที่อีกเหตุการณ์มองจากสายตาของคนนอก ที่ตัดสินทุกอย่างตามสิ่งที่เห็น ยิ่งประกอบกับเสียงแป้นพิมพ์ดีดแบบเก่าที่ดังกระแทกต ั้งแต่เปิดเรื่อง จนกลายเป็นทำนองเพลงที่แทรกอยู่ในเรื่องราว ก็ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าที่เล่าๆอยู่นี้ คือมุมมองของใคร
แต่ที่ประทับใจสุดสุดกลับไม่ใช่การสูญเสียห้วงรัก แต่เป็นความสูญเสียของชีวิต เพราะเรื่องที่เล่าผ่านภาพที่เศร้าหมอง ยิ่งทำให้จมดิ่งต่อการรับรู้ถึงความหดหู่ หมดหวัง โดยเฉพาะช่วงที่ร็อบบี้ไปรบ ซึ่งแทบจะไม่เห็นการฆ่าฟันตามแบบฉบับของสงครามเลย แต่ความเศร้ากลับกินลึกในใจ
ความแยบยลและสะเทือนอารมณ์ทั้งหมด เลยทำให้ตั้งหน้าตั้งตาดูอย่างจมดิ่งในเรื่องราว จนเครดิตขอบคุณขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ติดตรึงใจอย่างทรงพลังเสียจริงๆ
- คงมีสักครั้งที่เราปรารถนาให้ชีวิตสามารถย้อนเวลาคืน มาได้ เพื่อที่เราจะได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง แก้ไขความข้อบกพร่อง ลบล้างความผิดพลาดในอดีต
ไม่มีความทุกข์ใดเกินกว่าความรู้สึกผิดในใจตัวเรา เพราะมันอยู่กับเราทุกอนุวินาที เช่นเดียวกับคำตำหนิที่ใครจะตำหนิเราสักสิบคนล้านคน ไม่เท่ากับเราตำหนิตัวเอง เพราะมันจะตำหนิตลอดเวลา และเราต้องทนอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
จงใช้ความระมัดระวังในการกระทำสิ่งต่างๆให้มีสติมากข ึ้น รวมถึงการไม่ตัดสินใครจากเพียงสิ่งที่มองเห็น เพราะว่าการแก้ไขสิ่งผิดพลาดยากกว่าการระมัดระวังไม่ ให้เกิดความผิดพลาดนั่น เอง..
คุณให้อภัย "ไบรโอนี่" ไหม?
***Credit File และข้อมูลขอขอบคุณ คุณ artsiriwat*** เว็บเพื่อนบ้าน ที่ใจดีด้วยนะค่ะ
http://www.filecondo.com/dl.php?f=Oa03d11rZJ6W