เดชคัมภีร์เทวดา - Swordsman (1990)
เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2533
โดย นนทนันท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
นำแสดงโดย แซมฮุย , จางเซียะโหย่ว , เยี่ยถง , จางเหมี่ยน , หลิวชุน , หลิวเส้าหมิงเป็นการกลับมาของผู้กำกับ คิงฮู อีกครั้ง ร่วมกับ ฉีเคอะ


ในปี 1990 ถือเป็นปีสำคัญของหนังฮ่องกง เมื่อตระกูลหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างหนังกำลังภายในได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เป็นการแนะนำหนังแนวนี้ให้กับผู้ชมรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในปี 1990 ผู้กำกับอย่างฉีเคอะสร้างรากฐานที่มั่นคง ก่อนที่เขาจะสร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่อลังการในยุค 90 เช่นเดียวกับสร้างให้ เฉิงเสี่ยวตง ได้ยืนอยู่แถวหน้าของสายงานผู้กำกับคิวบู๊ ที่ยังคงยั่งยืนมาถึงปัจจุบัน ในทางตรงกันข้ามปี 1990 เป็นเสมือนการจุดพลุครั้งสุดท้ายของยอดผู้กำกับ King Hu ก่อนจะต้องปิดตำนานอันยิ่งใหญ่ลงในอีกไม่กีปีต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่กลาวมานั้น เกิดขึ้นได้ด้วยงานที่ชื่อว่า “เดชคัมภีร์เทวดา”
นิยายของกิมย้งส่วนใหญ่จะเป็นการนำเรื่องราวประวิติศ าตร์ ผสานเข้ากับเรื่องราวที่เค้าแต่งขึ้น ได้แบบแนบเนียนสมจริง เป็นเนื้อเดียวกัน เช่นเรื่อง มังกรหยก 1 – 2 เป็นเรื่องราวการล้มสลายของราชงศ์ซ้อง และการรุกรานของมงโกล เรื่องมังกรหยก 3 เรื่องราวปลายสมัยราชวงศ์หยวนและการขึ้นสู่อำนวจของจ ูหยวนจาง หรืออุ้ยเสี่ยวป้อ ที่ว่าด้วยเรื่องเกี่ยวกับ การก้าวเป็นฮ่องเต้ที่ยิ่งใหญ่ของคังซีฮ่องเต้
แต่สำหรับนิยายเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักร หาเป็นเช่นนั้นไม่ กระบี่เย้ยยุทธจักรเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่สะท้อนเรื่องความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกย ุคสมัย เกี่ยวอำนาจ การแย่งชิง การยึดติด เกี่ยวกับกิเสสที่เกิดขึ้นในใจคน นิยายเรื่องนี้ถึงยกย่องมากๆ สำหรับแฟนของกิมย้งบางคนยกให้เป็นอันดันหนึ่ง กระบี่เย้ยยุทธจักรถูกสร้างมาหลายครั้ง ที่คนค่อนข้างติดตาคงเป็นฉบับทีวีที่แสดงโดยโจวเหวิน ฟะ
แต่ “กระบี่เย้ยยุทธจักร” ฉบับที่โด่งดั่งที่สุด คนจดจำได้มากที่สุด คงหนีไม้พ้นฉบับที่เรียกกันในภาษาไทยว่า “เดชคัมภีร์เทวดา” ผลงานของฉีเคอะ คนนั้น ถึงแม้ในข้อมูลอย่างเป็นทางการ หนังเรื่องนี้มีตำแหน่งผู้กำกับอย่างเป็นทางการ คือ King Hu ปรมจารย์หนังกำลังภายใน แต่ก็ต้องยอมรับว่า เจ้าของหนังที่แท้จริง ก็คือ ฉีเคอะ นั้นเอง
ในข้อเท็จจริง King Hu ขัดแย้งกับฉีเคอะที่เป็นผู้อำนวยการสร้างอย่างรุนแรง จนถอนตัวออกจากงานกลางคัน แต่หนังก็ยังให้เครดิตเค้าอยู่ หนังได้รับการยกย่องสูงมากว่า ผสานรูปแบบของหนังกำลังภายในยุคเก่า เข้ากับการพัฒนาหนังกำลังภายในให้ไปสู่แนวใหม่ (ในยุคนั้น) ได้อย่างลงตัว ดาราไม่ต้องพูดถึงขนมากับเป็นกะบุง



หนังเล่าเรื่องของ สองศิษย์หัวซาน เหล่งฮูชง (แซม ฮุย) และงักเล้งซัง (เยี่ยถง) ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือน ท่านจอมยุทธท่านหนึ่ง ตามคำสั่งของอาจารย์ได้รับมอบ มอบตำราลึกลับในกระบอกไม้ไผ่แก่ที่ทุกคนตามหา และคำสั่งเสียสุดท้ายให้มอบมันแก่บุตรชาย ทายาทที่หลงเหลืออยู่ เหล่งฮูชง กลายเป็นผู้ถือคัมภีร์ที่ผู้คนทั้งยุทธจักรตามหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขันทีเฒ่า (หลิวชุน) ที่แท้จริงแล้ว กลับหวังในคัมภีร์ทานตะวัน เคล็ดวิชาสุดยอด ที่สาบสูญไปในยุทธจักรหลายปี ซึ่งมีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า ที่ส่งเจ้าสำนักซงซั้ว จ้อแน้เซียง (หยวนหัว) เพื่อเข้าแย้งชิง

สองจอมยุทธหนุ่ม สาวแห่งหัวซาน ติดอยู่กึ่งกลางสงความแย้งชิงอำนาจของหลายฝ่าย ทั้งขันทีจอมโหด เจ้าสำนักใหญ่ผู้ถวายตัวรับใช้คนเลว สุดท้ายคนที่สมควรไว้วางใจมากที่สุด กลับไม่น่าใว้วางใจมากที่สุด คนที่ช่วยเหลือพึ่งพังได้กลับเป็นคนแปลกหน้าที่เขาบั งเอิญได้พบเจอ ชาวป่าชายแดนอย่าง ยิ้มอิงอิง (จางเหมี่ยน) แห่งเผ้าแม้ว ที่ช่วยชีวิตในเวลาใกล้ตาย หรือ ชายชรา ฟงชิงหยาง ผู้สั่งสอนเพลงกระบี่เก้าเดียวดาย ในเพียงครั้งแรกที่ได้เจอ

เหล่งฮูชง ถึงได้ทราบความน่ากลัวแห่งยุทธภพ แท้จริงแล้ว หาใช้สุดยอดวิชา หรือศัตรูอันโหดเหี้ยม แต่เป็นจิตใจชั่วร้ายคดโกง ที่ซ้อนอยู่ภายใต้หน้าตาอันเป็นมิตร ของจอมยุทธผู้จอมปลอม


















http://www.filecondo.com/dl.php?f=ybd1a61wkNG2