Limelight 1952 [Charlie Chaplin Blu-ray Collection] Blu-ray 1080p AVC DTS-HD MA 2.0-Noinanoi
Synopsis:
A fading comedian and a suicidally despondent ballet dancer must look to each other to find meaning and hope in their lives.
Chaplin s final American film tells the story of a fading music hall comedian s effort to help a despondent ballet dancer learn both to walk and feel confidentlife again. The highlight of the film is the classic duet with Chaplin s only real artistic film comedy rival, Buster Keaton.
Quote:
ชา ร์ลี แชปลิน ได้รับความนิยมชื่นชอบมานานแสนนาน ตั้งแต่ยุคหนังเงียบจวบจนถึงยุคหนังเสียง เขาเป็น 1 ใน 4 ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคหนังเงียบซึ่งประสบผลสำเร็จ และเป็นคนเดียวที่ยืนยงในยุคหนังเงียบเสียงเป็นเวลาต ่อมาหลายปี
ชาร์ลี แชปลิน เกิดที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อพ่อแม่แยกทางกัน เขาต้องหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ยังเล็ก ๆ ด้วยการเป็นนักแสดง นี่คือจุดเริ่มต้นจนกระทั่งประสบผลสำเร็จในเวลาต่อมา ภาพยนตร์ทุกเรื่องทำให้ชื่อของ "ชาร์ลี แชปลิน" เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ครั้งหนึ่งชาร์ลี แชปลินเคยกล่าวไว้ว่า "วันใดที่คุณไม่หัวเราะ วันนั้นเป็นวันที่สูญเปล่า" และดูเหมือนว่าตัวของเขาเองจะมุ่งมั่นกับปณิธานในการ สร้างเสียงหัวเราะให้ แก่คนนับล้านตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาได้ออกฉา ยในปี 1915 จนกระทั่งถึงในยุคปัจจุบัน คนส่วนใหญ่จะจดจำชาร์ลี แชปลินได้ในบทตัวละครสุภาพบุรุษจรจัดไร้นามที่หรือที ่รู้จักกันดีว่า"คน พเนจร" (The Tramp) ซึ่งมักปรากฏตัวในลักษณะคนจรจัดสวมเสื้อนอกคับตัว กางเกงหลวมๆ หมวกทรงสูง รองเท้าคู่ใหญ่ที่ทำให้เดินอย่างเก้งก้าง ถือไม้เท้าซึ่งทำจากไม้ไผ่ และไว้หนวดทรงขนแปรงสีฟัน แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่านอกจากการเป็นนักแสดงตลกแล้ ว เขายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการสร้างสรรค์งานตลกคล าสสิคแต่ละเรื่อง ทั้งเป็นผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง คนเขียนบท คนตัดต่อ หรือแม้แต่ประพันธ์เพลงประกอบเองด้วย
หลายปีก่อน ได้เคยดูงานของชาร์ลี แชปลินมาบ้างโดยเฉพาะเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีเช่ น City Lights (1931), Modern Times (1936) และ The Great Dictator (1940) แต่ก็ไม่เคยได้ใส่ใจในหนังของเขามากเพราะเพียงคิดว่า มันเป็นแค่หนังตลกเงียบ ขาวดำธรรมดาที่ดูแล้วก็จบกัน จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เองที่ได้หยิบเอาหนังเอาหนั งของชาร์ลี แชปลินเรื่อง The Kid (1921) มาดู ก็เกิดความรู้สึกดีๆ ที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้วกับการดูหนัง นั่นก็คือ " อึ้ง ทึ่ง ขำ" (ไม่มีเสียวนะ) เพราะรู้สึกว่าชาร์ลี แชปลินเก่งมากที่สามารถทำหนังในการผสมผสานปัญหาสังคม กับเรื่องตลกเข้าด้วย กันอย่างลงตัวเช่นนี้ ดิฉันค่อนข้างตกใจที่อยู่ๆ ตัวเองก็น้ำตาไหลอย่างไม่รู้ตัวกับฉากซึ้งในหนัง ทั้งๆ ที่ไม่ถึงห้านาทีก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะหัวเราะท้องแข็ งกับท่าทางเซ่อๆ ซื่อๆ ของหนุ่มพเนจร (The Tramp) อยู่ เมื่อดูหนังจบจึงได้มาอ่านประวัติของชาร์ลี แชปลิน ทำให้ได้เรียนรู้ความสามารถหลากหลายของอัจฉริยะชาวอั งกฤษผู้นี้ วันนี้จะขอเอาชีวิตบางส่วนของราชาตลกผู้นี้ที่คิดว่า น่าสนใจมาเล่าให้ฟัง สลับกับการแนะนำหนังทั้งสามเรื่องที่เพิ่งได้ดูคือเร ื่อง The Kid ที่กล่าวไปแล้ว รวมทั้ง The Gold Rush (1925) และ Limelight (1952)
Limelight (1952)
กำกับและเขียนบท: ชาร์ลส แชปลิน
นำแสดง: ชาร์ลส แชปลิน, แคลร์ บลูม, ไนเจล บรู๊ซ, ซิดนีย์ แชปลิน
เริ่มจากปี 1914 ที่ชาร์ลี แชปลินเริ่มแสดงหนังในบทตัวละครสุภาพบุรุษพเนจรที่เป ็นเอกลักษณ์จนถึงปี 1931 ในหนังเรื่อง City Light ซึ่งเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่ชาร์ลี แชปลินตั้งใจจะให้ตัวละครชายพเนจรรับบทนำ อีกสองศตวรรษต่อมา ชาร์ลี แชปลินในวัย 63 ปีหยิบชุดสูทโทรม หมวกยาวและไม้เท้าคู่กายของหนุ่มพเนจรที่แขวนไว้หลาย ปี นำมาปัดฝุ่นใช้งานอีกครั้งในหนังเรื่อง Limelight แต่คราวนี้เขาไม่ได้กลับมารับบทหนุ่มพเนจรที่จะมาเรี ยกเสียงหัวเราะจากคนดู แต่เขาจะมาเล่นเป็นดาราตลกแก่ที่เคยรับบทเป็นหนุ่มพเ นจรต่างหาก
หนังเปิดฉากในกรุงลอนดอน ปี 1914 ซึ่งเป็นช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คาลเวโร (รับบทโดยชาร์ลี แชปลิน) นักแสดงเวทีตลกชื่อดังในอดีตที่ตอนนี้กลายเป็นตาแก่ข ี้เมาได้ช่วยชีวิตนัก บัลเล่ต์สาวสวยนาม เทเรซ่า (รับบทโดย แคลร์ บลูม) ขณะที่เธอกำลังฆ่าตัวตาย คาลเวโรช่วยดูแลและให้กำลังใจเธอเพื่อให้เธอกลับมาเต ้นรำอีกครั้ง จนเมื่อเธอมีชื่อเสียงโด่งดัง เธอจึงพยายามใช้เส้นสายนำคาลเวโรขึ้นมาผงาดบนเวทีตลก อีกครั้ง แต่เนื่องด้วยความเคยชินทำให้คาลเวโรต้องกินเหล้าจนเ มาก่อนขึ้นเวทีทำให้เขา ประสบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงกระนั้นก็ตาม เทเรซ่าก็รักคาลเวโรมากถึงขนาดเสนอว่าอยากจะแต่งงานก ับเขา แต่เขารู้ตัวว่า ชีวิตของเทเรซ่ายังเป็นชีวิตที่เพิ่งเริ่มต้น ในขณะที่เขากำลังจะถึงจุดจบ เขาจึงหายตัวไปจากชีวิตของเทเรซ่าเพื่อจะได้ไม่เป็นต ัวรั้งความสำเร็จของเธอ ไปทำงานเป็นตลกข้างถนน จนเธอตามหาตัวเขาพบ และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากลับมาเล่นตลกในคอนเสิร์ต การกุศลของเธอในโรงละคร ที่มีชื่อเสียงที่สุดของลอนดอน
คาลเวโรรู้ดีว่างานนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ ขึ้นเวทีในฐานะนักแสดง ตลก เขาจึงงัดเอามุขทุกอย่างที่เคยเล่นสมัยยังเป็นตลกชื่ อดังเอากลับมาโชว์จนหมด เกลี้ยง แต่ที่เป็นไฮไลท์ของโชว์คราวนี้ที่คาลเวโรเก็บเอาไว้ ตอนท้ายสุดคือโชว์ “ คนสีไวโอลินกับคนดีดเปียโน” ซึ่งเป็นเรื่องวุ่นๆ ของนักดนตรีสองคนที่กำลังเตรียมจะร่วมกันบรรเลงเพลงท ี่คงไม่มีผู้ใดมีโอกาส ได้ฟังจนจบเป็นแน่ เพราะว่าเมื่อกำลังจะเริ่มเล่นเพลงทุกครั้งก็จะมีอุบ ัติเหตุ (แบบฮาๆ) ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ในฉากนี้บทของนักสีไวโอลินเป็นของชาร์ลี แชปลิน ส่วนบทนักเปียโนนั้นเป็นของดาราตลกชื่อดัง บัสเตอร์ คีตัน ทำให้หนังเรื่อง Limelight นี้เป็นที่จดจำได้ดีว่าเป็นหนังเรื่องเดียวในประวัติ ศาสตร์ที่สองสุดยอดดารา ตลกในยุคหนังเงียบมาร่วมงานกัน
กับ บัสเตอร์ คีตัน ใน Limelight
การที่บัสเตอร์ คีตันได้มาร่วมงานกับชาร์ลี แชปลินเป็นเพราะว่าชาร์ลีต้องการช่วยเหลือเขาที่ตอนน ั้นกำลังตกอับ ทุกคนรู้จักบัสเตอร์ คีตันในฐานะดาราตลกที่มีพรสวรรค์ในระดับทัดเทียมกับช าร์ลี แชปลิน แต่โชคร้ายที่เขาพลาดพลั้งไปเซ็นสัญญากับทางสตูดิโอซ ึ่งมีข้อบังคับที่ไม่ อนุญาตให้เขานำเอาบุคลิกหน้าตายที่เป็นเครื่องหมายกา รค้าของเขาหรือการแสดง ที่คล้ายๆ กับหนังที่เขาเล่นให้สตูดิโอไปแล้วนำไปแสดงซ้ำที่อื่ นได้ ชาร์ลี แชปลิน ขณะที่กำลังเขียนบทเรื่อง Limelight อยู่จึงไปชวนบัสเตอร์ คีตันมาให้รับบทเป็นคู่หูของเขาในฉากไคลแมกซ์สุดท้าย ซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่ลงตัวที่สุดเพราะฉาก “ คนสีไวโอลินกับคนดีดเปียโน” ความยาว 10 นาทีนี้เป็นฉากที่ไม่มีบทพูดเลย ต้องใช้ความสามารถทางภาษากาย การเล่นเครื่องดนตรี การควบคุมจังหวะการแสดงของทั้งสองตัวละครให้สอดคล้อง กัน และเสริมด้วยมุขตลกแบบเจ็บตัว ทำลายข้าวของแบบที่ชาร์ลีและบัสเตอร์คงถนัดอยู่แล้ว ทำให้ฉากนี้เป็นฉากที่ยอดเยี่ยมอย่างน่าใจหาย จนทำให้ดิฉันอยากจะลุกขึ้นมาแสตนดิ้งโอเวชั่นพร้อมๆ กับคนในโรงละคร (ในหนัง) เสียจริงๆ เลย
นอกจากเรื่องของนักแสดงตลกอายุมากจะดูเหมือนกับถอดชี วิตจริงในตอนนั้นของชา ร์ลี แชปลินแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะได้แรงบันดาลมาจากชีวิตส่วนตั วของชาร์ลีก็คือ ความรักระหว่างชายแก่กับหญิงสาว ซึ่งแคลร์ บลูม นางเอกสาวสวยของเรื่องเธออายุเพียง 21 เท่านั้นเองในขณะที่แชปลินก็อายุปาเข้าไป 63 แล้ว ซึ่งในขณะนั้น อูน่า โอนีล ภรรยาสาวสวยคนที่สี่ของเขาก็อายุ 21 ปีเหมือนกันและกำลังตั้งท้องลูกคนที่ห้า (จากจำนวนแปดคน) ให้เค้าอยู่ด้วยนะคะ (ลูกคนสุดท้ายของชาร์ลีเกิดเมื่อตอนเขาอายุ 73 ปี) พูดถึงแคลร์ บลูม เธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยมากนะคะ มีแต่คนเคยบอกไว้ว่ารูปหน้าของผู้หญิงที่สวยที่สุดคื อรูปหน้าหัวใจ ยังไม่เคยเห็นของจริงแต่พอมาเห็นแคลร์ บลูมนี่แหละถึงได้คิดว่าหน้ารูปหัวใจคงเป็นอย่างนี้น ี่เอง
หนังเรื่อง Limelight นี้ถือว่าเป็นหนังในครอบครัวแชปลินได้เลย เพราะว่าบทของหนุ่มเปียโนสุดหล่อที่มาคอยจีบเทเรซ่าก ็แสดงโดย ซิดนีย์ แชปลิน ลูกชายแท้ๆ ของชาร์ลีจากภรรยาคนที่สอง ลูกชายอีกคนนึงที่ชื่อชาร์ลี แชปลิน จูเนียร์ก็เล่นเป็นตัวตลกสบทบ พี่ชายต่างพ่อของชาร์ลีก็มารับบทเป็นหมอให้ และยังมี เจอราร์ดีน แชปลินในวัยแปดขวบและน้องชายมารับบทสมทบเล็กๆ ด้วย เจอราร์ดีน แชปลินนี่ตอนหลังเธอก็มาเข้าวงการหนังเหมือนกัน เธอเริ่มดังกับหนังเรื่อง Dr. Zhivago ในบทคู่หมั้นของหมอชิวาโก้ แต่ดิฉันจำเธอได้ดีกว่าในบทครูสอนบัลเล่ต์ในเรื่อง Habla con ella (Talk to Her) ของเปโดร อัลโมโดวาร์
กับ แคลร์ บลูม ใน Limelight
ชาร์ลี แชปลินได้รับออสการ์สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจากหนัง เรื่องนี้ในปี 1973 ซึ่งก็คือยี่สิบปีให้หลังจากที่สร้างหนังเสร็จ สาเหตุที่เพิ่งมาได้รับก็เป็นเพราะว่าตามกฏของสถาบัน ที่ให้รางวัลออสการ์ หนังที่มีสิทธิจะได้เข้าชิงรางวัล จะต้องได้รับการฉายในเมืองลอส แองเจลิสมาแล้ว เบื้องหลังที่ทำไม Limelight ถึงไม่ได้ลงโรงฉายในอเมริกาทันทีหลังจากสร้างเสร็จนั ้นเป็นเพราะว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ปราบคอมมิวนิสต์อย่างหนัก ชาร์ลี แชปลินก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคอม มิวนิสต์ จริงๆ แล้วตั้งแต่เขาอพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกาเมื่อห้าสิบปี ก่อนหน้านี้ เขาก็ถูกเอฟบีไอจับตามาโดยตลอดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกั บฝ่ายคอมมิวนิสต์ถึง ขนาดมีการเก็บข้อมูลที่มาสนับสนุนสมมุติฐานข้อนี้ถึง หนึ่งหมื่นเก้าพันหน้า! (แม้แต่หนังเรื่อง The Immigrant หนังยุคแรกๆ ของแชปลิน เอฟบีไอก็ยังเก็บมาอ้างเป็นหลักฐานเพราะว่ามีฉากหนึ่ งที่แชปลินแอบเตะก้น ตำรวจ) ชีวิตของชาร์ลีในอเมริกาจึงไม่ค่อยได้อยู่อย่างสงบสุ ขนักเพราะต้องถูกเอฟบี ไอเรียกตัวไปสอบปากคำเป็นประจำ จนเมื่อชาร์ลีพาครอบครัวไปโปรโมทหนังเรื่อง Limelight ในอังกฤษ รัฐบาลอเมริกาจึงประกาศขอตัดสิทธิการกลับเข้าประเทศอ เมริกาของชาร์ลี แชปลิน ทำให้เขาตัดสินใจพาครอบครัวไปอยู่ที่คฤหาสน์หรูหราริ มทะเลสาบเจนีวาที่สวิส เซอร์แลนด์ ซึ่งเขาพำนักอยู่ที่นั่นจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต เพิ่งได้ข่าวมาว่าคฤหาสน์หลังนี้ กำลังได้รับการดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับชีว ิตและผลงานของราชาตลก ผู้นี้ และจะเปิดอย่างเป็นทางการในปลายปี 2007 ซึ่งจะเป็นปีที่ครบรอบการเสียชีวิต 30 ปีของชาร์ลี แชปลินพอดี ถ้าอยากได้รายละเอียดของพิพิธภัณฑ์นี้ กรุณาเข้าไปชมได้ใน www.chaplinmuseum.com
ชาร์ลี แชปลินได้กลับมาอเมริกาอีกเพียงสองครั้ง คือในปี 1972 และ 1973 เพื่อมารับรางวัลออสการ์เกียรติยศและออสการ์ของ Limelight การกลับมาอเมริกาอีกครั้งของชาร์ลีได้รับการต้อนรับจ ากบรรดาแฟนๆ และเพื่อนในวงการเก่าๆ อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ในบรรดากลุ่มคนที่มารับที่สนามบินในวันนั้นมี แจ็คกี้ คูแกน หนูน้อยน่ารักจากเรื่อง The Kid ซึ่งกลายเป็นหนุ่มแก่หัวล้านร่างใหญ่ไปแล้วนะคะ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันมายี่สิบปีและยืนอยู่ ท่ามกลางฝูงชนมากมาย ชาร์ลีในวัยแปดสิบสามก็ตรงปรี่เข้าไปกอดแจ็คกี้และกล ่าวว่า “ รู้ไหมว่าฉันอยากจะเจอเธอมากกว่าใครเพื่อนเลย” สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับแจ็คกี้มากเลยทีเดียว ในงานรับออสการ์เกียรติยศของเขา เขากล่าวคำขอบคุณทุกคนที่ยังระลึกถึงเขาได้และเขารู้ สึกซาบซึ้งใจมากจนกลั้น น้ำตาไว้ไม่อยู่ ทุกคนในงานลุกขึ้นตบมือให้เขานานมากจนถึงกับบันทึกไว ้ในสถิติของการจัดงาน เลยว่าเป็นการสแตนดิ้งโอเวชั่นที่ยาวที่สุดในประวัติ ศาสตร์ของออสการ์
IMDb Info: http://www.imdb.com/title/tt0044837/
IMDb User Rating: 8.1/10 from 9,865 users
Awards: Won 1 Oscar. Another 5 wins & 2 nominations.
Genres: Drama | Music
Director: Charles Chaplin
Writer: Charles Chaplin (original story and screenplay)
Stars: Charles Chaplin, Claire Bloom, Nigel Bruce
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
BDInfo Report:
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
DISC INFO:
Disc Title: Limelight 1952 Blu-ray 1080p AVC DTS-HD MA 2.0-Noinanoi
Disc Size: 23,887,807,228 bytes
Protection: AACS
BD-Java: Yes
BDInfo: 0.5.8
PLAYLIST REPORT:
Name: 00000.MPLS
Length: 2:17:53.750 (h:m:s.ms)
Size: 0 bytes
Total Bitrate: 0.00 Mbps
VIDEO:
Codec Bitrate Des--cription
----- ------- -----------
MPEG-4 AVC Video 0 kbps 1080p / 24 fps / 16:9 / High Profile 4.1
AUDIO:
Codec Language Bitrate Des--cription
----- -------- ------- -----------
DTS-HD Master Audio Spanish 0 kbps 2.0 / 48 kHz / 16-bit (DTS Core: 2.0 / 48 kHz / 1509 kbps / 16-bit)
DTS-HD Master Audio English 0 kbps 2.0 / 48 kHz / 16-bit (DTS Core: 2.0 / 48 kHz / 1509 kbps / 16-bit)
SUBTITLES:
Codec Language Bitrate Des--cription
----- -------- ------- -----------
Presentation Graphics Spanish 0.000 kbps
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
http://www.filecondo.com/dl.php?f=A521ff1wbx7j