Dr. Strangelove or: How I Learned to Stop Worrying and Love the Bomb
Directed by : Stanley Kubrick
Produced by : Stanley Kubrick
Screenplay by : Stanley Kubrick / Peter George / Terry Southern
Based on "Red " by : Peter George
Starring : Peter Sellers ... Group Captain Lionel Mandrake
George C. Scott ... Gen. Buck Turgidson
Sterling Hayden ... Brig. Gen. Jack D. Ripper
Keenan Wynn ... Col. Bat Guano
Slim Pickens ... Maj. T.J. King Kong
Peter Bull ... Russian Ambassador Alexi de Sadesky
James Earl Jones ... Lt. Lothar Zogg
Tracy Reed ... Miss Foreign Affairs
Jack Creley ... Mr. Staines
Frank Berry ... Lt. H.R. Dietrich
Robert O Neil ... Adm. Randolph
Glenn Beck ... Lt. W.D. Kivel
Roy Stephens ... Frank
Shane Rimmer ... Capt. G.A. Ace Owens
Hal Galili ... Burpelson AFB Defense Team member
Music by : Laurie Johnson
Cinematography : Gilbert Taylor
Editing by : Anthony Harvey
Studio : Hawk Films
Distributed by : Columbia Pictures
Release date(s) January 29, 1964
Running time 90 minutes
Language English
เรื่องย่อ และ บทวิจารณ์
**เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์**
ในยุคที่สงครามเย็นยังระบาด ความวิตกกังวล วิตกจริต ของกองทัพทั้งฝ่ายตะวันตกอุดมการณ์เสรีนิยมของประเทศ สหรัฐอเมริกา
กับฝ่ายตะวันออกอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ของประเทศสหภาพโ ซเวียต แข่งขันต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงในทุกๆ ด้าน แต่ที่เห็นจะ
สำคัญที่สุด ก็คือ การสะสมอาวุธนิวเคลียร์ เรียกได้ว่าทั้งสองประเทศเตรียมพร้อมในการเปิดสงคราม โลกครั้งที่ 3 เสมอ
แต่ด้วยอุดมการณ์แน่วแน่ในการเป็นมหาอำนาจ จึงไม่มีใครอยากลงมือเปิดศึกใครก่อนเนื่องจากอาจทำให ้ทั่วโลกประณามได้
นั่นทำให้เกิดภาวะตึงเครียดต่อคนในกองทัพ ต่อคนในชาติ จึงเกิดภาวะหวาดระแวงเกินกว่าเหตุ ต่างฝ่ายต่างไม่มีความสุขด้วยกัน
ทั้งสองฝ่าย หากดูจากจำนวนปีที่ฉาย 1964 สงครามเย็นได้ยุติลงแล้ว* แต่หนังเรื่องนี้ได้สะท้อนมุมมองขณะที่สงครามเย็นยัง คุกรุ่นอยู่
ของผู้กำกับ สแตนลี่ย์ คูบริก การนำเสนอเรื่องมุมมองการเมืองนั่นเป็นเรื่องละเอียด อ่อน แต่เขาสามารถกล้าที่จะเปิดประเด็น และ
วิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเจ็บแสบ โดยใช้แนวทางของหนังตลกร้าย
สิ่งแรก สแตนลี่ย์ คูบริก วิพากษ์จะเห็นได้ว่าเป็นการตั้งคำถามบางอย่างว่า "ชีวิตคนทั้งโลกมันอยู่ในมือคนเพียงไม่กี่คนเชียวหรื อ
แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ผู้นำเหล่านั้นจะปกป้องเราได้" แต่ภาพการนำเสนอของตัวละครในเรื่องทั้งหมด แทบจะเรียกได้ว่า
เป็นบุคคลวิกลจริต หรือจิตไม่ปกติเลยทีเดียว
นายพล Jack D ripper เกรงกลัวการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ผ่านทางน้ำ กลัวว่าจะไม่มีน้ำสะอาดใช้ ต้นเหตุน่ะหรือ การไม่ประสบ
ความสำเร็จทางเพศกับผู้หญิงไง แต่พาลคิดว่าเพราะน้ำในตัวของเราไม่สะอาด จึงไม่กล้าไปถึงจุดนั้น (จิตไม่ปกติอย่างแรง)
แต่จริงๆ แล้ว อาจจะเพราะตัวเองไม่สามารถทนรับสภาพของการไร้น้ำยาทา งเพศอีกต่อไป
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดูผิวเผินภายนอกอาจดูปกติดี แต่เมื่อได้โทรศัพท์คุยกับ นายกของสหภาพโซเวียต ผู้ชมจะเห็นว่า
ท่านประธานาธิบดีเหมือนเด็กๆ ซะเหลือเกิน การโต้เถียงกับนายกโซเวียตเรื่องว่าใครจะเสียใจกับเห ตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่ากัน
การคุยเล่นกันจนทำให้ผู้ชมสงสัยนี่มันประธานาธิบดี ผู้สูงส่งเชียวหรือ
นายพล Gen. Buck Turgidson (George C. Scott) ผู้เกลียดคอมมิวนิสต์เข้าไส้ จึงยุยงให้ประธานาธิบดี เลยตามเลยต่อเหตุการณ์
แล้วประจันหน้าสู้กันโดยทันที เข้าใจโดยง่ายก็คือ เปิดฉากโจมตีโซเวียตก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบ
แต่ผู้ชมจะเห็นได้ว่า คูบริก สร้างตัวละคนตัวนี้มาแบบสุดโต่งโดยไม่มีหลักเหตุผลอะ ไรที่จะสำคัญกว่าใจตัวเอง ทำเพื่อตัวเอง
และการแสดงด้วยความ โอเวอร์แอคติ้ง นั่นมันทำให้อดไม่ได้ที่จะขำซะเหลือเกิน
สุดท้าย Dr. Strangelove (Peter Sellers) นักวิชาการค้นคว้าเรื่องนิวเคลียร์โดยเฉพาะ ซึ่งแปรพักตร์มาจากพวกนาซี แม้จะมีบทบาท
แค่ในตอนท้ายของเรื่อง แต่เรียกได้ว่าแย่งบทบาทความโดดเด่นในความอปกติได้น่ าขบขันที่สุด ร่างกายพิการนั่งอยู่บนรถเข็น
มือขวาใส่ถุงมือดำ ที่สำคัญเขาไม่สามารควบคุมมือขวาได้ ระหว่างตอนท้ายที่ประธานาธิบดี กำลังปรึกษาหารือเรื่องการเกณฑ์คนไปหลบ
อยู่ในเหมืองแร่ หากว่าโลกถูกทำลายจริง ก็มีช็อตที่น่าขบขันที่สุด นั่นคือมือขวาของ Dr. Strangelove ชักกระตุกทำงานขึ้นมาเอง
โดยการใช้มือขวาเหยียดตรงไปข้างหน้า เหมือนการแสดงความเคารพฮิตเลอร์
หรืออาจหมายถึงว่า คูบริก กำลังล้อเลียนกลุ่มผู้นำเหล่านี้ว่าหากใช้อำนาจมากเก ินจำเป็น ก็อาจกลายเป็นเผด็จการไม่ต่างจากฮิตเลอร์เลย
ฉากในเครื่องบินรบก็แสนน่าสนใจนักบินถูกให้ไปทิ้งระเ บิดโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร แถมการได้รับคำสั่งแล้วไม่สามารถเรียกกลับได้
เหตุเพราะต้องเปลี่ยนคลื่นวิทยุทำให้ไม่สามารติดต่อก ับนักบินได้ เนื่องจากกลัวศัตรูเข้าแทรกแซง (นี่เป็นจุดหนึ่งที่ คูบริก ใช้จุดบอด
ของกองทัพ มาวิพากษ์ซะแดดิ้น)
ในตอนแรกนั้นหนังมีแนวทางดูจริงจัง นักบินเปรียบเหมือนฮีโร่ของคนในชาติ แต่เมื่อดำเนินเรื่องไปสู่กลางเรื่อง ความแปลกพิกล
หลายๆ อย่าง มันเริ่มปรากฎออกมาอย่างไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว เสียงเพลงประกอบปลุกใจที่ฟังไปฟังมามันดูตลกชอบกล รวมทั้งน้ำเสียง
ของนักบิน และใช้ระยะภาพวูบวาบ(เหมือนอยู่ในหนังตลก)
จุดสุดยอดของฉากนี้ และผู้ชมคงจดจำไปได้อีกนานก็คือ ฉากที่เครื่องบินเกิดความขัดข้องจนไม่สามารถทิ้งระเบ ิดได้ TJ Kingkong
จึงอาสาไปดูระบบไฟฟ้าของห้องเครื่อง แต่หลังจากเขาแก้ปัญหาเสร็จเรียบร้อย ยังไม่ทันที่เขาจะกลับมาประจำตำแหน่ง นักบินกลับปล่อย
ระเบิดออกไป ทำให้ TJ Kingkong ถูกปล่อยไปพร้อมระเบิดในท่าที่เขาขี่ระเบิดสู่ท้องฟ้ าภายนอก ซึ่งดูคล้ายกับการควบม้าในหนังคาวบอย
การใส่หมวกคาวบอยในตอนต้นเรื่องอาจดูจงใจ พร้อมเสียงร้องโหยหวนที่น่าขบขัน (ดูจากสถานการณ์ก็น่าเศร้าใจ แต่มันกลับขำซะอย่างนั้น)
นี่ยังไม่รวมฉากในตอนต้น ที่ดูเหมือนเครื่องบิน 2 ลำ กำลังร่วมเพศกันอย่างไรอย่างนั้น
สิ่งที่น่าจดจำอีกสิ่งหนึ่ง ก็คือ คูบริก ใช้ Peter Sellers แสดงถึง 3 บทบาท ในเรื่องนี้นั่นก็คือ ในบทกัปตัน Mendrake ประธานาธิบดี และ
Dr. Strangelove และหากผู้ชมไม่ได้หาข้อมูลก่อนชม ก็จะเกิดความอึ้งเล็กน้อยในความแนบเนียนของคูบริก ไม่ว่าจะเป็นแต่งหน้า แต่งตา
หรือจะเป็นการหลอกมุมกล้อง ซึ่งไม่มี่ที่ติเลยจริงๆ (มีฉาก Peter Sellers คุยกันเองด้วย)
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่คนในกองทัพจะรู ้สึกสะอึก กับสิ่งที่คูบริก นำเสนอออกมาในรูปแบบภาพยนตร์ แต่คงเป็นที่ถูกอกถูกใจ
ต่อบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นเหมือนของขวัญของคูบริกแก่ประชาชน หลังการล่มสลายของสงครามเย็น เพราะต้องทนทุกข์จากการเล่นเกม
เชิงจิตวิทยามาเนิ่นนาน แม้หนังจะดูเป็นการวิพากษ์ และประชดประชันสงคราม แต่สาระของคูบริกยังคงเด่นชัดเหมือนเคย ในเรื่องการตั้งคำถามว่า
มนุษย์กับเครื่องกล(วัตถุนิยม) จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างไร การสะสมอาวุธ(ระเบิดนิเคลียร์) มันเป็นหนทางการอยู่รอดของมนุษย์เชียวหรือ
แล้วถ้าเกิดเหล่าผู้นำที่เราคิดว่าไว้ใจได้ มันเกิดวิกลจริต แบบในหนังล่ะ มนุษย์จะไปต่างอะไรกับของเล่นของผู้มีอำนาจ หรือมนุษยชาติ
มีค่าเป็นแค่ของเล่นในอุ้งมืออุ้งตีนของผู้นำวิกลจริ ต น่าคิดนะครับ
เครดิต : บทความ Dr. Strangelove (1964) "มนุษยชาติในอุ้งมือผู้นำวิกลจริต" โดย A-Bellamy
* น่าจะหมายถึง สิ้นสุดสงครามโลก มากกว่า
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
Screen Shot
http://www.filecondo.com/dl.php?f=S324ff1toIw8